การเป็นผู้นำยุคใหม่ที่ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายทั้งจากภายนอกองค์กร และ ทั้งกับสมาชิกทีมภายใต้การนำ ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ทำให้ตัวแปรการตัดสินใจส่วนใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลานั้น… รูปแบบการนำ และ ภาวะผู้นำที่ถูกใช้ก็จำเป็นจะต้องปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสภาพที่เป็นในขณะนั้น ซึ่งเอกลักษณ์ตัวตนของผู้นำ และ รูปแบบการนำอันโดดเด่นเป็นตัวเองอาจจะกลายเป็นจุดอ่อนได้ทุกเมื่อ
Professor Dr.William James Reddin หรือ Bill Reddin ศาสตราจารย์ด้านพฤติกรรมการบริหาร หรือ Management Behavioralist ผู้พัฒนาแนวคิดเรื่อง Situational Demands ซึ่งกล่าวถึงพฤติกรรมของผู้บริหาร หรือ ผู้นำที่ควรมีและหรือควรเป็นในสถานการณ์หนึ่งๆ ซึ่งโด่งดังจากดุษฎีนิพนธ์ที่สร้าง The 3D Theory หรือ 3D Leadership Model โดยตีพิมพ์เผยแพร่เอาไว้ในปี 1983…
3D Leadership Model หรือ Three-Dimensional Grid หรือ ภาวะผู้นำ 3 มิติ จากดุษฎีนิพนธ์เรื่อง Managerial Effectiveness and Style: Individual or Situation ของ Bill Reddin ได้กล่าวถึงภาวะผู้นำหลายรูปแบบ รวมถึงผลสัมฤทธิ์ของภาวะผู้นำเหล่านั้นในสถานการณ์ต่างๆ โดยหลักสำคัญที่ต้องการนำเสนอก็คือ… ไม่มีภาวะผู้นำรูปแบบใดเพียงรูปแบบเดียวที่มีประสิทธิผลสูงสุดในทุกสถานการณ์
บทความจากบล็อกของ ดร.ปิยนันท์ สวัสดิ์ศฤงฆาร ได้เรียบเรียงเนื้อหาเกี่ยวกับ 3D Leadership Model เอาไว้ว่า… รูปแบบพื้นฐานของภาวะผู้นำตามแนวคิดของ Bill Reddin จะมีอยู่ 4 รูปแบบ คือ…
- Separated Manager… จะเป็นผู้นำที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขการทำงานที่ผิดเพี้ยน หรือ แตกต่างไปจากระเบียบวิธีปฏิบัติ หรือ แผนงานที่กำหนด ผู้นำในรูปแบบนี้จะกำหนดนโยบาย ระเบียบ ขั้นตอนการทำงาน รวมถึงกฎเกณฑ์ต่างๆ และ แจ้งให้ทีมงานปฏิบัติตามโดยจะไม่ออกคำสั่ง ติดตาม หรือ กำหนดบทบาทว่าทีมงานต้องมีบทบาทหรือหน้าที่อะไรเป็นการเพิ่มเติมอีก เพราะถือว่าทุกอย่างได้ประกาศให้ทราบแล้ว
- Related Manager… ผู้นำประเภทนี้ชอบการทำงานเป็นทีม มององค์กรว่าเป็นระบบสังคมที่ทุกคนร่วมกันทำงาน ไม่เน้นการออกคำสั่ง ไม่กดดันเรื่องเวลา ให้อิสระ และ ความรับผิดชอบแก่ทีมงาน ยอมรับความเป็นตัวตนของผู้อื่น และ ไม่พยายามที่จะเปลี่ยนผู้อื่นให้เหมือนกับตน ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างกัน หรือ Personal Interaction และ กับสภาพแวดล้อมการทำงานมากกว่าตัวภารกิจ ไม่เคี่ยวเข็ญให้ลูกน้องต้องมีผลงานเพิ่มมากขึ้นด้วยการหาวิธีแก้ไขข้อผิดพลาดที่ลูกน้องได้กระทำไป
- Dedicated Manager… จะเป็นผู้นำประเภทเน้นงาน หรือ ภารกิจ หรือ Task Oriented สนใจแต่ผลที่จะได้รับจากการทำงาน กำหนดทิศทางการทำงาน เฝ้าติดตามการปฏิบัติ และ ผลที่จะได้รับอย่างใกล้ชิด ใช้อำนาจตามตำแหน่งหน้าที่โดยไม่สนใจความสัมพันธ์ทางสังคมลูกทีม
- Integrated Manager… จะเป็นผู้นำที่ยังคงให้ความสำคัญกับการประสานความร่วมมือในการทำงานเหมือน Related Manager ส่วนที่เพิ่มขึ้นมาคือ ความพยายามให้มีผลงานที่มากขึ้น และ ดีขึ้นด้วยการทำงานเป็นทีม และ การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
ผู้นำทั้ง 4 รูปแบบนี้มีความแตกต่างมากน้อยกว่ากันในระดับความสำคัญสองด้าน คือ ความสำเร็จของงาน หรือ Task Orientation และ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล หรือ Relationship Orientation โดย…
- เน้นความสำเร็จของงาน หรือ Task-Oriented Approaches จะหมายถึงวิธีการบริหารที่ผู้นำกำกับควบคุมการทำงานของทีมงานให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย เหมาะที่จะใช้ในสถานการณ์ที่มีข้อจำกัด หรือ Constrained เรื่องทรัพยากรและเวลา หรือในกรณีที่สมาชิกทีมงานขาดประสบการณ์หรือมีทักษะในการทำงานไม่เพียงพอ ต้องกลับมาทบทวนแก้ไขงานให้เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้แต่แรก
- เน้นความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล หรือ People-Oriented Approaches จะหมายถึงวิธีการบริหารที่ผู้นำใช้ความสัมพันธ์ส่วนบุคคลที่มีกับทีมทำงาน มาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่งาน เหมาะที่จะใช้กับงานที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์ หรือ ในสถานการณ์ที่ผู้นำมองเห็นโอกาสที่จะพัฒนาทักษะ และ ฝึกฝนความเป็นผู้นำให้กับทีมงานในระยะยาว หรือ เพื่อจูงใจให้ทีมงานได้สร้างสมประสบการณ์ใหม่ๆ และ ความรับผิดชอบที่สูงขึ้น
ใน Matrix ของภารกิจ และ ความสัมพันธ์แต่ละแบบที่ปรากฏก็ยังมีประสิทธิผล หรือ Effectiveness ในระดับการมุ่งเน้นและรายละเอียดที่แตกต่างกัน… Bill Reddin จึงได้พัฒนา Matrix รูปแบบผู้นำเพิ่มเติมขึ้นมาอีกสองกลุ่มๆ ละสี่รูปแบบ คือ
การอธิบายรูปแบบภาวะผู้นำที่พัฒนาขึ้นตามประสิทธิผลทั้ง 3 รูปแบบนี้ เรียกว่า ประสิทธิผลทางการบริหารในสามมิติ หรือ The 3-D Theory of Managerial Effectiveness หรือ 3D Leadership Model นั่นเอง… ซึ่งรูปแบบภาวะผู้นำที่ถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม หรือ 3 มิติ จะประกอบด้วย
- กลุ่มพื้นฐาน หรือ Basic Type
- กลุ่มที่มีประสิทธิผลของงานน้อยกว่า หรือ Less Effective Type
- กลุ่มที่มีประสิทธิผลของงานดีกว่า หรือ More Effective Type
โดยแต่ละกลุ่มจะประกอบด้วยรูปแบบผู้นำ 4 รูปแบบตามการให้ความสำคัญกับงาน หรือ Task และ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ได้แก่
- ไม่เน้นทั้งงานและความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
- ไม่เน้นงาน แต่เน้นความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
- เน้นงาน ไม่เน้นความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
- เน้นทั้งงานและความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
รายละเอียดและคำอธิบายเพิ่มเติม แนะนำที่บล็อกของ ดร.ปิยนันท์ สวัสดิ์ศฤงฆาร ครับ!…
References…