สุดสัปดาห์นี้ผมมีนัดกับน้องๆ ที่ดูแลผมมาตั้งแต่ผมย้ายมาอยู่เชียงใหม่ เพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าของธุรกิจออนไลน์แบบอาชีพที่สองหรืองานอดิเรก… และวางแผนยาวถึงหลังเกษียณ… ผมยินดีถ่ายทอดรูปแบบ ความรู้และเครื่องมือการค้าออนไลน์ภายใต้ Concept Reder Entrepreneur ที่ผมพัฒนาขึ้นจากวิสัยทัศน์ Forkplay เป็นปฐมฤกษ์ด้วยครับ
แน่นอนว่า… ผมก็ยังยืนอยู่ในฐานะที่ปรึกษาระหว่างการสร้างโมเดลการขายสินค้าออนไลน์ให้น้องกลุ่มนี้… เหมือนๆ ที่ผมทำมาหาเลี้ยงชีพมาตลอด… เพียงแต่วันนี้ผมมีเครื่องมือทำธุรกิจออนไลน์เป็นของตัวเอง ควบคุมและแจกจ่ายแบ่งปันให้ใช้ตั้งต้นทำธุรกิจออนไลน์ได้ทันที ลดการพึ่งพาโซเซี่ยลมีเดียและเครื่องมือออนไลน์ราคาแพงทั้งหลาย เพื่อสร้างสมดุลให้รูปแบบการทำธุรกิจและ Digital Marketing ให้เป็นเรื่องง่ายขึ้น
ผมชวนน้องๆ กลุ่มนี้มาทดสอบโมเดลที่ผมพัฒนาขึ้นใหม่ และทุกคนตอบตกลง… ทั้งหมด… ผมดำเนินการด้วยกรอบ Design Thinking ที่จะดูแลกรณีนี้ในลักษณะการทดสอบโมเดล หรือใน Design Thinking Process ก็คือขั้นตอนการ Test Prototype นั่นเองครับ
วันนี้ผมเลยเอาบทความเรื่อง 9 ขั้นตอนสำหรับเตรียมตัวเป็นผู้ประกอบการออนไลน์… ที่ผมเตรียมไว้… ภายใต้กรอบที่ผมต้องออกแบบ และวางแผนหลายๆ อย่างเพื่อให้คนทำงานประจำ พร้อมภาระการดูแลครอบครัวพ่วงรอบตัว… มีฐานคิดว่าต้องเตรียมอะไรแค่ไหนในช่วงเริ่มต้น… และบันทึกไว้แบ่งปันท่านอื่นๆ ที่สนใจไปพร้อมกัน
9 ขั้นตอนเริ่มขายของออนไลน์ ผมลอกหัวขัอและรายละเอียดบางส่วนมาจาก Am2b Marketing ครับ มีตัดเติมเสริมแต่งด้วยกลิ่นอายของ Reder Entrepreneur ตามสมควร… ท่านที่สนใจความรู้ทางการตลาดที่แบ่งปันด้วยภาษาเข้าใจง่ายลองเข้าเวบ Am2bmarketing.co.th ไปศึกษาเพิ่มเติมและใช้บริการได้ครับ
เอาหล่ะ… ลำดับขั้นตอน 9 เรื่องที่ต้องเตรียม… คร่าวๆ มีดังนี้ครับ
- กำหนดแผนธุรกิจ
แผนธุรกิจมีความสำคัญมาก เพราะนี่คือพิมพ์เขียวที่ท่านจะได้เห็นเงาร่างของธุรกิจตัวเอง… ธุรกิจเล็กใหญ่ก็ร่างออกมาครับ… เงินทุน ราคา กลยุทธ์ การตลาด ยังไม่ต้องสนใจรูปแบบ แต่ให้เน้นระดมไอเดียและทรัพยากรมากางดูแล้วค่อยจัดลำดับให้เข้าที่เข้าทาง… - คิดให้แตกต่างและหาช่องว่างให้เจอ
ในขั้นนี้… ถ้าสินค้าหรือบริการไม่ได้ผิดประหลาดจนไม่เคยมีใครทำธุรกิจในหมวดหมู่หรือแนวนี้มาก่อน… ผมหมายถึงหมวดหมู่สินค้าเลยน๊ะครับ!… ก็น่าจะมีใครซักคนทำธุรกิจคล้ายๆ ที่ท่านอยากทำอยู่ ตรงนี้อาจจะเป็นคู่แข่ง หรือเจ้าตลาดที่อยากไปปันส่วนแบ่งเขามา… หาข้อมูล หาช่องว่าง (Gap) หรือหา Pain Points มา… หาทางปิด Gap และแก้ Pain Points ได้… แสดงว่าท่านคิดต่างได้แล้ว - เลือกสินค้าที่จะขายและรูปแบบการบริการ
ลำดับต่อมา… เจ้าของกิจการออนไลน์คนใหม่ต้องออกแบบก็คือ การเลือกของหรือสินค้าที่จะมาขายเพื่อเติม Gap แก้ Pain Point… ถ้ายังคิดไม่ออกว่าจะขายสินค้าอะไรดี… ก็ขอแนะนำให้เลือกสินค้าที่ท่านมีความรู้ดี สนใจสินค้านั้นมาก หรือมีประสบการณ์ร่วมกับสินค้าตัวนั้นๆ หรือสินค้ากลุ่มนั้น… เลือกได้ทั้งสินค้าที่สร้างประสบการณ์ดีเยี่ยมให้เรา หรือจะเป็นสินค้าที่สร้างประสบการณ์สุดแย่ให้เราก็ได้… ถ้าทำให้มันดีกว่าได้… ท่านน่าจะเจอสินค้าแห่งความมั่งคั่งค่อนข้างแน่ - ทดสอบเสียงตอบรับของสินค้า
ก่อนจะตัดสินใจลงทุนลงแรงกับสินค้าประเภทใด การทดสอบตลาดบนแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง eBay, Shopee, Lazada เพื่อทดสอบตรงกับกลุ่มลูกค้าออนไลน์… หรือจะทำ AB Testing เล็กๆ เพื่อให้แน่ใจก่อนว่าสินค้าของท่านได้รับความสนใจมากน้อยแค่ไหน… งานตรงนี้มีเทคนิคมากมายที่สามารถทดสอบตลาด สินค้าหรือบริการ… สินค้าหรือบริการบางชนิดหรือบางประเภท อาจจะไม่ต้องใช้สินค้าจริงก็ได้… เพราะในโลกออนไลน์มีเครื่องมือและเทคนิคหลายร้อยเล่มเกวียนให้เลือกใช้ - เลือก Host และโดเมนของธุรกิจ
เมื่อมีแผนงาน และสินค้าที่เหมาะสมในการทำธุรกิจออนไลน์ของแล้ว ต่อมาท่านต้องมีเว็บไซต์ หรืออย่างน้อยต้องมีเพจข้อมูลสินค้า ที่จะทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลสินค้าของท่าน… เพราะลูกค้าออนไลน์จะไม่สอบถามอะไรท่านแน่นอน นอกจากสนใจจะซื้อ… และการสอบถามข้อมูลสินค้าส่วนใหญ่ที่ร้านค้าหรือธุรกิจออนไลน์หน้าใหม่เจอ มักจะเป็นคู่แข่งหรือเจ้าตลาดเดิมที่รบกวนเวลาเรื่องข้อมูลสินค้าที่ต้องถามเพิ่ม… ถ้าโชคร้ายท่านอาจจะเจอหน้าม้าจากแพลตฟอร์มสร้างเสียงตอบรับเทียมให้ท่านวางใจก็ได้…
Host หรือ Page ข้อมูลสินค้าถือว่าสำคัญมาก… อย่าลืมให้ความสำคัญกับการเลือกชื่อเพจ หรือชื่อโดเมนที่จะทำให้กลุ่มเป้าหมายและลูกค้า ค้นหาท่านได้ง่ายๆ… หลีกเลี่ยงการวางข้อมูลสินค้าบน Host หรือ Page ที่ “ลดคุณค่า” ของสินค้าหรือธุรกิจของท่าน… รายละเอียดส่วนนี้มีมิติต้องทำความเข้าใจพอสมควรครับ… ข้อมูลหลายอย่างผมอธิบายออนไลน์เป็นลายลักษณ์อักษรไม่ได้จริงๆ เพราะข้อความบางส่วนกระทบบุคคลอื่นหรือธุรกิจแนวทางอื่นๆ หรือไม่ก็ตีความได้คลาดเคลื่อนจากที่ควรจะเป็นได้ง่าย
เรื่องการตั้งชื่อโดเมน เดี๋ยววันหลังผมจะเอามาคลี่รายละเอียดเป็นแนวทางให้อีกที… - เลือกแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ
ชั้นนี้เป็นการเลือกช่องทางการขาย… ร้านค้าออนไลน์ในยุคนี้จำเป็นต้องพาสินค้า ไปอยู่กับช่องทางการขายที่เหมาะสม… รวมทั้งพาสินค้าไปอยู่ทุกช่องทางที่เป็นไปได้ที่จะเจอลูกค้าจำนวนมาก เพื่อเสนอสินค้าให้เป็นตัวเลือกระหว่างที่ลูกค้าเปรียบเทียบสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อ… หรือไปไกลได้ถึงการทำ Funnel Experience กับกลุ่มเป้าหมายได้ยิ่งประเสริฐเลิศเลอ
ตรงนี้เป็นกลยุทธ์ครับ… แม้แต่สินค้าแบรนด์ใหญ่ๆ ก็ต้องพาตัวเองไปอยู่ในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ชอื่นๆ นอก Official Website กันทั้งนั้น… ถึงตรงนี้คำแนะนำที่ดีที่สุดก็ยังแนะนำให้ใช้ทุกช่องทางที่เป็นไปได้กับความสามารถของเรา… และตามกลิ่นลูกค้าไป! - ข้อมูลสินค้าและข้อความเพื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์
ตอนนี้เรารู้แล้วว่าสินค้าที่จะขายคืออะไร จะขายผ่านช่องทางไหน… สิ่งที่ต้องเตรียมต่อมาคือข้อมูลสินค้า… ต้องเป็นข้อมูลที่ดีที่สุดเท่าที่จะเตรียมได้ ละเอียด ชัดเจน… จำไว้ว่า การขายสินค้าออนไลน์เป็นการเสนอข้อมูลให้ลูกค้าพิจารณาทางเดียว… สินค้าที่ข้อมูลชัดเจนย่อมได้เปรียบสินค้าที่ข้อมูลคลุมเคลือ… ธุรกิจออนไลน์ที่มีข้อมูลชัดเจน ย่อมน่าเชื่อถือกว่าร้านค้าที่สร้างคำถามวาดระแวงให้ลูกค้าตั้งแต่เห็นข้อมูล
คำแนะนำคือ… ข้อมูลสินค้าให้หาระดับค้นคว้า และนำมาเรียบเรียงไว้อย่างดี สามารถ Copy ไปใช้ได้ง่าย เพราะทุกช่องทางการขาย รวมทั้งทุกๆ touch point ที่ต้องสัมผัสลูกค้า ข้อมูลสินค้าจำเป็นมาก ต้องพร้อมใช้เหมือนท่านมีโบว์ชัวส์เด็ดๆ ติดมือไว้ตลอดเวลา… รูปภาพประกอบ คลิป และข้อมูลเพื่อสื่อสารการตลาดทั้งหลาย ต้องจัดเตรียมอย่างดี… ที่จะบอกก็คือ ไม่ว่าท่านจะนำเสนอสินค้าผ่านช่องทางไหน ข้อมูลที่เตรียมไว้ทั้งหมดจะได้ใช้เรื่อยๆ… ส่วนเทคนิคการเตรียมข้อมูลสินค้าและธุรกิจ เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและมีรายละเอียดเฉพาะสูงมากครับ… ถ้าท่านรู้จักสินค้าดี รู้จักลูกค้าดี ใช้เครื่องมือเป็น… ก็จะช่วยเตรียมข้อมูลเหล่านี้ได้ดีไปด้วยแน่นอนครับ - เลือกวิธีชำระเงิน
ขายแล้วไม่ได้ตังค์คงเรียกว่าขายไม่ได้… ถ้าท่านใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ชเป็นช่องทางหลัก โดยมากท่านจะถูกบังคับใช้ระบบชำระเงินของแพลตฟอร์มอยู่แล้ว… แน่นอนว่ามันจะมีค่าธรรมเนียม แต่ผมคิดว่ายังไงก็คุ้ม…
ส่วนที่เป็นร้านค้าย่อยที่ไม่มีระบบหลังบ้านเป็นของตัวเอง โดยมากพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ในบ้านเราจะเลือกใช้ช่องทางการโอนเงินชำระค่าสินค้าและส่งสำเนายืนยันกันก่อนส่งสินค้า แม้จะเป็นวิธีที่ “ไม่สะดวก” กับลูกค้านัก แต่ก็ใช้กันอย่างกว้างขวาง… ในขณะที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์จำนวนหนึ่ง ก็พาธุรกิจตัวเองไปใช้บริการ Payment Gateway เพื่อสร้างภาพลักษณ์และประสบการณ์ที่ดีกว่าให้ลูกค้า… แต่ก็เป็นช่องทางการชำระเงินที่มีค่าใช้จ่ายอย่าง “ค่าธรรมเนียม” เกิดขึ้นเหมือนๆ กับที่ใช้แพลตฟอร์มเช่นกัน…
การเลือกช่องทางการชำระเงินก็เป็นเรื่องเฉพาะเจาะจงเช่นกันครับ… ควรเรียนรู้ให้มาก ประเมินให้รอบคอบและปรับเปลี่ยนเครื่องมือรับชำระเงินให้เหมาะสม ยิ่งเรากำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่ FinTech กำลังไล่ Disrupted ทุกสิ่ง… เปิดหูเปิดตาเปิดใจตามกระแสให้ทัน… ผมหมายถึงให้ทันลูกค้าครับ - เลือกวิธีส่งสินค้า
ขั้นนี้จะเป็นการส่งมอบ… สิ่งที่ต้องคำนึงคือ สินค้าจากเราถึงลูกค้าต้องสะดวก รวดเร็ว ไม่เสียหาย… โดยมากการเลือกวิธีและช่องทางการขนส่ง เราจะเลือกเครือข่ายการขนส่งที่เหมาะสมกับสินค้าของเรา สินค้าเบา สินค้าหนัก ชิ้นเล็ก ชิ้นใหญ่ แตกง่าย เน่าเร็ว… ต้องศึกษาเปรียบเทียบ เรียนรู้ หลายที่หลายอย่าง
หาข้อมูลเยอะๆ ทั้ง Packaging and Logistics… และต้องไม่ลืมว่า ส่วนนี้อยู่ในโครงสร้างต้นทุนการดำเนินการด้วยครับ
คร่าวๆ ก่อนน๊ะครับ เรื่องแบบนี้เขียนยังไงก็ไม่น่าคลุมประเด็น… เอาเป็นว่า ท่านสนใจประเด็นไหน ก็ทักถามเข้าพูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้เสมอเช่นเดิม… เพิ่ม @reder เป็นเพื่อนไลน์ แล้ว DM เข้ามาเลยครับ