เพลง American Pie ที่ Don McLean ใช้เนื้อเพลงเป็นจดหมายเหตุ ลำดับเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นในอเมริกาหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง โดยเฉพาะเหตุการณ์ระหว่างปี 1950-1960 ซึ่งมีเหตุสะเทือนขวัญ และ ความวุ่ยวายมากมายเกิดขึ้นในสังคมอเมริกัน… โดยเฉพาะการตาย หรือ การจากไปของบุคคลสำคัญมากมาย ในขณะที่กลิ่นอายสังคมอเมริกันแบบที่ Don McLean และคนรุ่นเดียวกับเขาเติบโตมา… ก็หายไปพร้อมความวุ่นวายแตกแยกจากสงครามเวียดนาม… กัญชา… ฮิปปี้… ดนตรี Rock&Rolls รวมทั้งลัทธิการปกครองที่ทุกสังคมปั่นป่วนขัดแย้งกันมานานไม่เคยส่าง
ผมไม่ได้ฟังเพลง American Pie มานานมาก ไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชั่นของ Madonna หรือ Don McLean จนกระทั่งได้ยินท่อนฮุคของเพลงจากหนังเรื่อง Black Widow ที่ร้องว่า…
Bye bye Miss American Pie.
Drove my Chevy to levee but the levee was dry.
And then good ole boys were drinking whiskey and rye.
Singin’ this’ll be the day that I die.
This’ll be the day that I die.
ซึ่งเป็นท่อนที่ทำให้เพลงที่มีเรื่องเล่ามากมายฝังใส่เนื้อร้องมาทั้งหมดนั้น ยาวออกไปได้อีกถึง 8 นาที 42 วินาที… แต่ก็ทำให้เพลง American Pie ที่ Don McLean เขียนเนื้อและร้องไว้… ฟังสนุกขึ้นมากมาย ทั้งๆ ที่เนื้อหาในเนื้อเพลงทั้งหมด… ล้วนมีแต่เรื่องสนุกไม่ออกทั้งสิ้น
American Pie ต้นฉบับแรกของ Don McLean เผยแพร่ครั้งแรกในเดือนตุลาคมปี 1971 และขึ้นชาร์ต US Billboard Hot 100 อันดับหนึ่ง และ UK Singles อันดับสอง รอบปี 1971-1972 ทั้งๆ ที่เนื้อร้องพูดถึงการล่มสลายและตายจากของหลายสิ่งหลายอย่าง จากหลากหลายเหตุการณ์ ซึ่งคนอเมริกันยุค 60s-70s เท่านั้นที่จะเข้าใจ “สารฝัง หรือ Embedded Message” ที่ Don McLean พาดพิงถึง
โดยเฉพาะเนื้อเพลงในท่อนที่พูดถึงการล่มสลายของเสียงเพลงที่เคยมอบรอยยิ้มและความสุข ซึ่ง Don McLean บอกผ่านเนื้อเพลงว่า… มันหายไปพร้อมการตายของ 3 ราชา Rock&Rolls ในยุค 50s ในเหตุเครื่องบินตกเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ปี 1959 ที่ Buddy Holly กับ The Big Bopper และ Ritchie Valens ซึ่งโดยสารมาพร้อมกันเสียชีวิตทั้งหมด… ในขณะที่ Don McLean อายุ 13 ปี
ส่วน Key Word คำว่า… American Pie และ Miss American Pie ในท่อนฮุคที่นักฟังเพลงทั่วโลกตีความและถกเถียงกันนั้น ดูเหมือนการตีความว่า… Miss American Pie เป็นการตั้งชื่อให้ “สังคมอเมริกันที่สวยงาม” หรือขนมพายแบบอเมริกันที่สวยระดับนางงาม… ซึ่งได้หายไปหมด หรือ ตายลงจนต้องบอกลากัน… ซึ่งมีคนเห็นด้วยและยอมรับมากที่สุด!
ส่วนเนื้อเพลงท่อนที่ตั้งคำถามกับคนยุค 60s ถึงศัทธาและศีลธรรมจากท่อนที่ร้องว่า…
Did you write the book of love.
And do you have faith in God above.
If the Bible tells you so?
Do you believe in rock and roll?
Can music save your mortal soul?
And can you teach me how to dance real slow?
ซึ่งถามเรื่องทัศนคติต่อความรัก สายสัมพันธ์ และ ศรัทธาในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล รวมทั้งพระเจ้าเบื้องบนในยุคที่สังคมอเมริกันอ้างเสรีภาพหลายเรื่องจนจิตวิญญาณอเมริกันยุคก่อนหืดหายหมดไป
สารฝังที่สำคัญอีกส่วนหนึ่งที่พูดถึงกันมากในกลุ่มนักวิจารณ์ก็คือ… การร้อยเรียงเนื้อเพลงสะท้อนวงการดนตรีและเพลงแบบอเมริกันก่อนยุค 60s ซึ่งนักวิจารณ์ส่วนใหญ่ระบุคล้ายกันว่า… เพลง American Pie ของ Don McLean เป็นสรุปย่อวัฒนธรรมเพลงของอเมริกัน ตั้งแต่ยุคดนตรีอเมริกันดั้งเดิมที่มีตำนานระดับราชาและราชินีเพลงอย่าง Pete Seeger และ Joan Baez เป็นสัญลักษณ์… ต่อมาถึงยุคของ James Dean จนถึง John Lennon ผู้อ่านตำราของ Carl Marx ซึ่งกลิ่นอายแบบวันเก่าๆ ถูกลบไปหมด… และยังมีอีกหลายประโยคหลายท่อนพาดพิงศิลปินเพลงยุค 60s อีกหลายวงทั้งที่เอ่ยชื่อออกมาตรงๆ และ เรียกฉายาที่วงการบันเทิงมอบให้…
ประเด็นก็คือ… เพลง American Pie ของ Don McLean ได้กลายเป็นเพลงที่ใช้สะท้อน และ บอกเล่าเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่จะไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิมของทุกสิ่งไปแล้ว
ปี 2017… เพลง American Pie ของ Don McLean ต้นฉบับ ปี 1971 ได้รับเลือกให้อนุรักษ์ไว้ใน National Recording Registry ณ Library of Congress ครับ!
References…