เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2020 ที่ผ่านมา… ทีมนักวิทยาศาสตร์ชาวบราซิลได้รายงานอุณภูมิน้ำในมหาสมุทรบริเวณเกาะ Seymour Island ได้สูงถึง 20.75°C เพิ่มขึ้นจาก 19.8°C ของการวัดครั้งก่อนที่เกาะ Signy Island เมื่อปี 1982… โดยก่อนหน้านั้น ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2020 นักวิทยาศาสตร์ชาวอาร์เจนตินา ก็ได้รายงานอุณหภูมิน้ำในมหาสมุทรบริเวณเกาะ Esperanza ไว้ที่ 18.3°C เช่นกัน… ซึ่งเป็นระดับอุณหภูมิที่สูงที่สุดของคาบสมุทรแอนตาร์กติกที่อยู่ขั้วโลกใต้

นักวิทยาศาสตร์ชาวบราซิลในโครงการแอนตาร์กติกให้ความเห็นว่า การที่อุณหภูมิสูงขึ้นเกิดจากอิทธิพลของการยกตัวของกระแสน้ำในมหาสมุทรและปรากฎการณ์เอลนีโญ…
“เราพบการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในระดับชั้นบรรยากาศ สัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงของชั้นดินเยือกแข็งถาวรและมหาสมุทร ทั้งหมดส่งผลกระทบถึงกันอย่างเห็นได้ชัด”
ผลกระทบที่เกิดขึ้น มีความแตกต่างกันทั้งคาบสมุทร ที่ประกอบด้วยผืนดิน เกาะ และมหาสมุทรซึ่งอยู่ที่ละติจูด 60 องศาใต้…ซึ่งภูมิภาคนี้เป็นแหล่งกักเก็บน้ำ 70% ของโลกในรูปของหิมะและน้ำแข็ง ซึ่งหากละลายทั้งหมดจะส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น 50-60 เมตร แต่นั่นต้องเป็นอีกหลายชั่วอายุคน
นักวิทยาศาสตร์สหประชาชาติพยากรณ์ว่า ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นราว 30-110 เซนติเมตรภายในสิ้นศตวรรษนี้ แต่ขึ้นอยู่กับความพยายามในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและความเปราะบางของแผ่นน้ำแข็งด้วย
ขณะที่อุณหภูมิทางตะวันออกและตอนกลางของแอนตาร์กติกยังคงทรงตัว แต่ก็มีความวิตกมากขึ้นต่อทางตะวันตกของแอนตาร์กติก ซึ่งมหาสมุทรที่อุ่นขึ้นมีผลต่อธารน้ำแข็งที่เกาะ Thwaites และเกาะ Pine แต่ปัจจุบันก็ยังส่งผลไม่มากต่อการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล แต่ก็อาจจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหากอุณหภูมิสูงขึ้นต่อเนื่อง
คาบสมุทรแอนตาร์ติกที่ทอดยาวไปยังอาร์เจนตินา ได้รับผลกระทบมากที่สุด… ซึ่งทีมข่าวเดอะการ์เดียน ได้ร่วมเดินทางไปกับกลุ่มกรีนพีซพบว่า ธารน้ำแข็งลดลงมากกว่า 100 เมตรใน Discovery Bay และพื้นที่ส่วนใหญ่ของเกาะ King George ซึ่งหิมะละลายมากจนเห็นก้อนหินสีดำ ขณะที่การละลายของน้ำแข็งเกิดขึ้นทุกๆ หน้าร้อน นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า ในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมาเห็นได้ชัดขึ้นว่า อุณหภูมิเพิ่มขึ้นเร็วกว่าในฤดูหนาว สิ่งเหล่านี้เชื่อว่าเป็นสาเหตุของสัญญานอันตรายของการลดลงมากกว่า 50% ของกลุ่มนกเพนกวินสายพันธ์ Chinstrap Penguin ซึ่งต้องพึ่งพาทะเลน้ำแข็ง


เนื้อข่าวฉบับเต็มมีรายละเอียดกว่านี้เยอะอยู่ครับ เป็นข้อมูลจากเวบไซต์ข่าว The Guardian ผมวางลิงค์ต้นฉบับไว้ใต้อ้างอิง… หรือถนัดฉบับแปลก็มีเวบไซต์ผู้จัดการเผยแพร่ไว้แล้วเช่นกันครับ
เพราะประเด็นคือ… ถ้าโลกร้อนแบบเลวร้ายสุด นักวิทยาศาสตร์ในโครงการนี้บอกชัดว่า เรื่องน้ำท่วมโลกเป็นไปได้ที่ระดับน้ำจะขึ้นได้สูงถึง 50-60 เมตรจากปัจจุบัน แม้ว่าสถานการณ์จะยังไม่มีโอกาสเกิดขึ้นเร็วๆ นี้… ถ้า! อุณหภูมิโลกไม่เปลี่ยนมากกว่านี้ หรือมีปัจจัยอื่นที่ไปกระทบจนสต๊อกน้ำแข็งที่ขั้วโลกใต้ละลายเสียก่อน… แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้เหมือนมีคนถูกลอตเตอรี่เสมอนั่นแหละ… ความน่าจะเป็นน้อยนิด ย่อมมีโอกาสมากกว่าศูนย์เสมอ!!!
#FridaysForFuture ครับ!
อ้างอ้าง