Aston Martin Volante Vision #สุดสัปดาห์พาไปบิน

Volante Vision เป็นโปรเจคพิเศษของค่ายรถสปอร์ตในตำนานอย่าง Aston Martin ซึ่งตื่นตัวมาทำพาหนะทางอากาศส่วนบุคคล หรือ Personal Air Mobility ที่ยังคงเน้นการเดินทางแบบส่วนตัวจริงด้วยการออกแบบที่นั่งบน Volante Vision Concept ไว้เพียง 3 ที่นั่ง ซึ่งจะล่องลอยไปในยานที่ถูกออกแบบอย่างโฉบเฉี่ยว และ ได้ชื่อว่าเป็นยาน VTOL หรือ Vertical Take-Off and Landing เซ็กซี่ที่สุดจากสื่อหลายสำนักทั่วโลก

Volante Vision ถูกออกแบบบนแนวคิดการออกแบบเครื่องบินปีกตรึง ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไฮบริดไฟฟ้าจาก Rolls-Royce Advance Hybrid-Electric Flight โดยได้พัฒนาโครงการร่วมกับ Cranfield University… Cranfield Aerospace Solutions และ Rolls-Royce… ทำให้ Volante Vision ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีจากห้องปฏิบัติการด้านการบินยุคใหม่ มี่มากับการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของ Aston Martin 

Volante Vision วางเก้าอี้ไว้สองแถว 3 ที่นั่ง โดยแถวหน้าจะมี 1 ที่นั่ง และ มี 2 ที่นั่งในแถวหลัง และ ตกแต่งภายในอย่างหรูหรา… ส่วนการออกแบบภายนอกจะมีปีกขนาดใหญ่คลุมส่วนท้ายของเครื่อง โดยมีใบพัดขึ้นลงทางดิ่งขนาดใหญ่สองชั้นอยู่ระหว่างปีกหลักซ้ายขวา ซึ่งปลายปีกยังเป็นหางเสือคุมทิศทางแลลหางเสือคู่ หรือ Twin Rudders นอกจากนั้นยังมีใบพัดขับด้านหน้าซ้ายขวาแบบโรเตอร์ 2 ชั้น ทำให้ Volante Vision มีใบพัดด้าหน้าอีก 4 โรเตอร์ และ เป็นแบบปรับมุมช่วยการขึ้นลงทางดิ่งได้ด้วย… 

เครื่องยนต์ Turbogenerator แบบไฮบริดไฟฟ้าจาก Rolls-Royce Advance Hybrid-Electric Flight ซึ่งใช้เชื้อเพลิงการบินประเภทเชื้อเพลิงยั่งยืน หรือ Sustainable Aviation Fuels หรือ SAF ช่วยให้ Volante Vision จ่ายพลังงานให้มอเตอร์ขับโรเตอร์ได้อย่างเต็มที่ ซึ่ง Volante Vision เดินทางด้วยความเร็วสูงสุดได้ถึง 402 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือ 250 ไมล์ต่อชั่วโมง และ บินไกลด้วยระยะทาง 805 กิโลเมตร ซึ่งจะบินอัตโนมัติอย่างอิสระเป็นส่วนใหญ่ และ ตอบโต้กับนักบินเพียงเล็กน้อย

Volante Vision จัดประเภทตามแนวคิดการออกแบบให้เป็นยานพาหนะทางอากาศส่วนบุคคลในกลุ่ม Urban Air Mobility หรือ UAM ซึ่งใช้เดินทางในเมืองเป็นหลัก หรือ จะใช้สำหรับการเดินทางระหว่างเมือง ภายใต้พิสัยการบินที่ทำระยะทางได้สูงสุดที่ 805 กิโลเมตร… การพูดคุยกับผู้สื่อข่าวของ Aston Martin ในปี 2018 มีรายงานว่า…  Volante Vision น่าจะมีราคาขายราว 7 ล้านปอนด์ โดยจะเริ่มผลิตในนช่วงกลางปี ​​2020 และ จะให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2030… 

References…

Facebook
Twitter
LinkedIn
Pinterest
Tumblr

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts