Attending and Empathy… ความน่ารำคาญและความใส่ใจ #SelfInsight

เมื่อพูดถึงคำว่า “ความใส่ใจ” ในบริบทของภาษาไทยที่นิยามถึง… การที่คนๆ หนึ่ง “คิดและทำ” หลายอย่างเพื่อคนอื่น หรือ ทำให้คนอื่นโดยหวังว่า หรือ เชื่อว่ามันจะดีกับผู้รับ… ซึ่งถ้าเป็นความใส่ใจภายใต้ “ความเข้าใจความต้องการของผู้รับ” อย่างแท้จริง… เรื่องดีงามบนสายสัมพันธ์ก็มักจะเข้มแข็งยิ่งกว่าเดิมมาก… แต่ถ้าเป็นการ “คิดและทำ” อะไรที่คนรับไม่ต้องการด้วยเหตุผล หรือ เงื่อนไขแบบใดก็ตามแต่ สิ่งที่คิดและทำโดยเชื่อว่าเป็นการใส่ใจก็มีโอกาสจะกลายเป็นความน่ารำคาญ หรือ กลายเป็นเงื่อนไขบั่นทอนความสัมพันธ์ให้แย่ลงได้เช่นกัน

ความใส่ใจอันเป็นที่ต้องการโดยทั่วไปจึงถูกนิยามเอาไว้ด้วยคำว่า “Empathy” ในภาษาอังกฤษ อันเป็นความใส่ใจด้วยความเข้าอกเข้าใจ… แต่จะมีความใส่ใจแบบที่นิยามเอาไว้ในภาษาอังกฤษว่า “Attend หรือ Attending” ซึ่งเป็นพฤติกรรมการคิดและทำอะไรๆ ให้คนอื่น หรือ เพื่อคนอื่นแบบเป็นไปตามความต้องการของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่กำลังต้องการความสนใจ และ ความใส่ใจเป็นหลัก… โดยเฉพาะอะไรๆ ที่ฝ่ายรับไม่ได้ต้องการจากการคิดและทำโดยฝ่ายที่ให้ผู้เชื่อว่าตนกำลังใส่ใจอยู่

Jackie Tabick ซึ่งเป็น Rabbi หรือ ศาสนาจารย์สตรีคนแรกในศาสจักรยูดาห์ หรือ Judaism ในอังกฤษชี้ว่า… ทุกศาสนามีคำสอนที่มุ่งให้เกิดความรักซึ่งความรัก ณ ที่นี้จะถูกแนะนำให้แสดงออกต่อกันผ่านความเห็นอกเห็นใจ และ ความใส่ใจกัน… แต่ “การใส่ใจ และหรือ เห็นอกเห็นใจ” จะส่งผลต่อชีวิตของเราทั้งด้านดี และ ด้านไม่ดีได้ด้วย… โดยเฉพาะการใส่ใจที่มากเกินไป ก็จะทำให้บุคคลที่เราต้องการใส่ใจรู้สึกไปในทางรำคาญก็มี… ทั้งๆ ที่เราคิดว่าทำไปโดยเจตนาดี แต่ผู้รับความใส่ใจไม่ต้องการสิ่งนั้น… สิ่งนั้นก็ไร้ประโยชน์ และ ยังทำลายความสัมพันธ์ระหว่างกันไปเสียอีก… 

รายละเอียดเกี่ยวกับ “ความใส่ใจ” ที่เป็นประโยชน์จึงควรมีองค์ประกอบสำคัญอย่างน้อย 3 ประการคือ… 

  1. Impartiality หรือ ความไม่ลำเอียง… เพราะไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่เราจะให้ความสำคัญกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน… ความใส่ใจ หรือ การเอาใจใส่จึงต้องมีพอเพียง และ เสมอภาคที่สุด… โดยยึดหลักของการให้ต่อคนที่ควรให้ ในปริมาณที่ควรได้รับ 
  2. Awareness หรือ การตระหนักรู้ด้วยสติ… ซึ่งสำคัญที่ต้องรับรู้ว่า “เรากำลังทำอะไรให้ใคร และ แสดงออกถึงการใส่ใจอย่างไร” ซึ่งจำเป็นต้องรับรู้ถึงสิ่งที่คิดและทำทั้งหมด โดยไม่มีข้อแก้ตัวว่า ไม่รู้ว่าจะเป็นแบบนั้นแบบนี้ในภายหลัง
  3. Empathy หรือ ความใส่ใจด้วยการเห็นอกเห็นใจอย่างแท้จริง… ซึ่งการใส่ใจที่มีคุณภาพจะเกิดขึ้นได้เมื่อเรารู้ว่า “บุคคลที่เรารักชอบอะไร และ ไม่ชอบอะไร” และ ในสถานการณ์หนึ่งๆ จะรู้สึก หรือ คิดอะไร อย่างไร… ซึ่งก็คือการเข้าใจคนที่ต้องใส่ใจก่อนอื่น

ว่ากันว่า… ถ้ามี 3 องค์ประกอบนี้อย่างครบถ้วนแล้ว สายสัมพันธ์ที่ต้องการความใส่ใจทั้งให้และรับ ก็จะถูกบิดเบือนได้ยาก และ มักจะเกิดแต่ปรากฏการณ์ดีๅ กับทุกฝ่าย

References…

Facebook
Twitter
LinkedIn
Pinterest
Tumblr

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts