ทิศทางการปฏิรูปการศึกษาของประเทศไทยที่กำลังผลักดันกันอยู่ตอนนี้… ชัดเจนแล้วว่าภายใต้การนำของคุณตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนปัจจุบัน ท่านเต็มที่กับ หลักสูตรฐานสมรรถนะ หรือ Competency Based Learning แม้จะเจอเสียงค้านและการต่อต้านสารพัดจากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย
ช่วงกลางเดือนสิงหาคม ปี 2021 ที่ผ่านมาก็ปรากฏข่าวความเคลื่อนไหวทักท้วงโดย “ชมรมครูสังกัดกรุงเทพมหานครออนไลน์” ซึ่งประสานกับ “ชมรมครูภูธรแห่งประเทศไทย” ที่ข่าวว่ามีสมาชิกครูเป็นแสนที่พร้อมจะเคลื่อนไหวคัดค้านการปฏิรูปคราวนี้… โดยเฉพาะคำสั่งกระทรวงศึกษาธิการที่ สพฐ.774/2564 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำและพัฒนา (ร่าง) หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช…….(หลักสูตรฐานสมรรถนะ) ซึ่งไม่ปรากฏรายชื่อของผู้ใช้หลักสูตรโดยตรง เช่น ครูและบุคลากรทางการศึกษาอยู่ร่วมเป็นคณะกรรมการในสัดส่วนที่มากพอ เพื่อจะได้เสนอความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อการจัดทำและพัฒนา (ร่าง) หลักสูตรดังกล่าวให้เกิดประโยชน์มากที่สุด… ซึ่งหลายความเห็นมองว่าการจัดทำหลักสูตรแกนกลางในกรณีหลักสูตรฐานสมรรถนะ… คนคิดไม่ได้ทำ คนทำไม่ได้คิด
โดยส่วนตัวผมเห็นด้วยกับพี่น้องครูที่ขอมีส่วนร่วมในฐานะคนอยู่หน้างาน… ซึ่งการเปิดกว้างอาจจะวุ่นวายล่าช้า แต่การเปลี่ยนแปลงคราวนี้ไม่มีเสียงค้านเรื่องประเด็นเป้าหมายที่การศึกษาหลักของชาติจะไป “หลักสูตรฐานสมรรถนะ หรือ Competency Based แทน หลักสูตรฐานสาระเนื้อหา หรือ Contents Based เท่าไหร่!
ข้อมูลในมือผมมีว่า… หลักสูตรฐานสมรรถนะของประเทศไทย จะกำหนดมาตรฐานสมรรถนะ หรือ Competency Standards ออกเป็น 2 มาตรฐาน คือ
- สมรรถนะหลัก หรือ Core Competency… มีลักษณะเป็นสมรรถนะข้ามวิชาหรือคร่อมวิชา คือเป็นสมรรถนะที่สามารถพัฒนาให้เกิดขึ้นแก่ผู้เรียนได้ในสาระการเรียนรู้ต่างๆ ที่หลากหลาย หรือสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาผู้เรียนให้เรียนรู้สาระต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น
- สมรรถนะเฉพาะทาง หรือ Specific Competency… เป็นสมรรถนะเฉพาะวิชา หรือ สาขาวิชาที่จำเป็นสำหรับวิชานั้นๆ
ซึ่งสมรรถนะทั้ง 2 ประเภทนั้น ไม่ว่าจะเป็นสมรรถนะหลัก หรือสมรรถนะเฉพาะ ต่างก็มีระดับตั้งแต่ง่ายไปยาก ซึ่งหลักสูตรจะกำหนดให้ผู้เรียนได้เรียนรู้แบบไต่ระดับ ไปตามระดับความสามารถของตน
คุณนรรัชต์ ฝันเชียร ได้เรียบเรียงรายละเอียดเบื้องต้นของข้อมูลหลักสูตรฐานสมรรถนะเผยแพร่ไว้ในเวบไซต์ trueplookpanya.com โดยชี้ให้เห็นจุดเด่นว่า… หลักสูตรฐานสมรรถนะมีจุดเด่นที่น่าสนใจอยู่หลายประการ เช่น
- ช่วยให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาสมรรถนะหลักที่สำคัญต่อการใช้ชีวิต การทำงาน และการเรียนรู้
- ช่วยให้เกิดการจัดการเรียนรู้ ที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เกิดสมรรถนะที่ต้องการ
- ช่วยลดสาระการเรียนรู้ที่ไม่จำเป็น อันส่งผลให้สถานศึกษามีพื้นที่และเวลาในการจัดการเรียนรู้อื่นที่เหมาะสมกับผู้เรียน วิถีชีวิตและชุมชนได้มากขึ้น
- ช่วยลดภาระและเวลาในการสอบตามตัวชี้วัดจำนวนมาก เพราะสามารถวัดและประเมินผลผู้เรียนด้วยการสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนที่แสดงให้เห็นถึงสมรรถนะหลัก
ส่วนกรอบสมรรถนะหลักของหลักสูตรฐานสมรรถนะ จะเป็นสมรรถนะขั้นพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับผู้เรียนทุกคน ซึ่งจะเป็นสมรรถนะกลางที่เอื้อให้สถานศึกษาที่มีศักยภาพ… โดยในหลักสูตรฐานสมรรถนะ ได้กำหนดสมรรถนะหลักเบื้องต้นไว้ 10 สมรรถนะ โดยแบ่งออกเป็นกลุ่ม 4 กลุ่ม คือ
1. คนไทยฉลาดรู้ หรือ Literate Thais มี 4 สมรรถนะหลัก คือ
- ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร หรือ Thai Language for Communication
- คณิตศาสตร์ในชีวิตประจำวัน หรือ Mathematics in Everyday Life
- การสืบสอบทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ หรือ Scientific Inquiry and Scientific Mind
- ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร หรือ English for Communication
2. ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร หรือ English for Communication
- ทักษะชีวิตและความเจริญแห่งตน หรือ Life Skills and Personal Growth
- ทักษะอาชีพและการเป็นผู้ประกอบการ หรือ Career Skills and Entrepreneurship
3. คนไทยสามารถสูง หรือ Smart Thais มี 2 สมรรถนะหลัก คือ
- ทักษะการคิดขั้นสูงและนวัตกรรม หรือ Higher Order Thinking Skills and Innovation
- การรู้เท่าทันสื่อ สารสนเทศ และดิจิทัล หรือ Media, Information and Digital Literacy หรือ MIDL
4. พลเมืองไทย ใส่ใจสังคม หรือ Active Thai Citizens มี 2 สมรรถนะหลัก คือ
- การทำงานแบบรวมพลัง เป็นทีม และมีภาวะผู้นำ หรือ Collaboration Teamwork and Leadership
- การเป็นพลเมืองตื่นรู้ที่มีสำนึกสากล หรือ Active Citizens with Global Mindedness
การนำหลักสูตรฐานสมรรถนะไปใช้… จะต้องดำเนินการผ่านการจัดการเรียนการสอนฐานสมรรถนะ หรือ Competency-Based Instruction หรือ CBI ที่มีลักษณะสำคัญ คือ เป็นการเรียนการสอนตามจุดประสงค์การเรียนรู้ เชิงสมรรถนะ หรือ Learning Competencies ที่สามารถสังเกตเห็นและวัดได้ ซึ่งการวัดและประเมินฐานสมรรถนะ จะเน้นการวัดผลการเรียนรู้จากการพฤติกรรมและการปฏิบัติ ที่สามารถแสดงออกให้เห็นถึงสมรรถนะนั้น ตามเกณฑ์ที่กำหนด
ส่วนแนวทางการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรฐานสมรรถนะ สามารถดำเนินการได้ 6 แนวทาง… ได้แก่
แนวทางที่ 1 : ใช้งานเดิม เสริมสมรรถนะ… เป็นการสอนตามปกติที่สอดแทรกสมรรถนะที่สอดคล้องกับการบทเรียนนั้นเข้าไป และ อาจปรับ หรือ สร้างสรรค์กิจกรรมต่อยอด เพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาสมรรถนะนั้น
แนวทางที่ 2 ใช้งานเดิม ต่อเติมสมรรถนะ… เป็นการสอนตามปกติที่สอดแทรกสมรรถนะ ที่สอดคล้องกับการบทเรียนนั้นเข้าไป และ มีการเน้นสมรรถนะที่เกี่ยวข้องให้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนใช้ความรู้ ทักษะได้จริงในสถานการณ์ที่หลากหลาย
แนวทางที่ 3 ใช้รูปแบบการเรียนรู้ สู่การพัฒนาสมรรถนะ… เป็นการสอนตามปกติที่มีการนำรูปแบบการเรียนรู้ที่ใช้เดิม มาวิเคราะห์เชื่อมโยงกับสมรรถนะที่สอดคล้องกับรูปแบบการเรียนรู้และบทเรียน ซึ่งช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามจุดประสงค์พร้อมๆ กับการเกิดสมรรถนะ
แนวทางที่ 4 สมรรถนะเป็นฐาน ผสานตัวชี้วัด… เป็นการสอนโดยนำสมรรถนะและตัวชี้วัดที่สอดคล้องกัน มาออกแบบการสอนร่วมกัน เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ทั้งเนื้อหาสาระ และ ทักษะตามตัวชี้วัดที่กำหนด พร้อมๆ กับการพัฒนาสมรรถนะหลักที่จำเป็นต่อชีวิต
แนวทางที่ 5 บูรณาการผสานหลายสมรรถนะ… เป็นการสอนโดยนำสมรรถนะหลักทั้งสิบด้านเป็นตัวตั้ง แล้วออกแบบการสอนที่มีลักษณะเป็นหน่วยบูรณาการที่ช่วยให้เด็กได้เรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติ และ เห็นความสัมพันธ์ระหว่างวิชา หรือ กลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ
แนวทางที่ 6 สมรรถนะชีวิตในกิจวัตรประจำวัน… เป็นการสร้างสรรค์การเรียนรู้อย่างสอดคล้องสัมพันธ์กับการดำเนินชีวิตประจำวันปกติของนักเรียน สอดคล้องกับกิจกรรมต่างๆ ที่มักเกิดในโรงเรียน นับเป็นการฝึกพัฒนาสมรรถนะนั้นๆ ได้อย่างต่อเนื่อง
หลักสูตรฐานสมรรถนะเป็นหลักสูตรที่ถูกคิดค้นขึ้นใช้เพื่อแก้ไขปัญหาด้านเรียนรู้ของผู้เรียน และ ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีสมรรถนะที่เหมาะสมกับโลกในยุคสมัยใหม่ ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และ มีการแข่งขันกันสูงขึ้น ซึ่งถ้าหลักสูตรได้ถูกประยุกต์และนำมาใช้ในระบบการศึกษาได้อย่างเหมาะสม จะทำให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตัวเองให้มีสมรรถนะที่เหมาะสมต่อการพัฒนาตัวเองและประเทศชาติได้
รายละเอียดมีอีกเยอะครับ… บทสรุปจากอาจารย์นรรัชต์ ฝันเชียร ที่ผมคัดมาถือว่าสรุปได้รวบรัด แต่ครบถ้วนที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้ว และ ผมเชียร์ หลักสูตรฐานสมรรถนะ หรือ Competency Based Learning มานาน และ ผมเชื่อว่า… นี่เป็นจุดเริ่มต้นของ Personalized Learning ที่สามารถคืนเวลาและโอกาสให้เด็กๆ และ ครอบครัวได้มากขึ้น แทนที่โรงเรียน “ภาคบังคับ” จะเอาเวลาและทรัพยากรส่วนใหญ่ของเด็กและผู้ปกครองไปหมดโดยไร้ทางเลือกอย่างที่เป็นมา
อย่างไรก็ตาม… การจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรฐานสมรรถนะ โดยส่วนตัวคิดว่าเปิดกว้างกับช่วงเปลี่ยนผ่านเอาไว้ให้ทุกฝ่ายอย่างยืดหยุ่นถึง 6 แนวทาง ซึ่งพี่ๆ น้องๆ ฝั่งครูอาจารย์ที่กังวลเรื่องการปรับตัว และ เปลี่ยนแปลงไม่น่าจะมีอะไรยากเกินกว่าที่ท่านเปลี่ยนแปลงกับพัฒนาตัวเองตลอดมาอยู่แล้ว
References…
- https://www.trueplookpanya.com
- ทำไมต้องเรียนฐานสมรรถนะ
- Competency Based Assessment: การประเมินอิงสมรรถนะ
- https://www.komchadluek.net/news/480333