การประชุม COP25 ที่นครมาดริด ประเทศสเปนที่มีขึ้นระหว่างวันที่ 2-13 ธันวาคมที่ผ่านมา แต่การประชุมต้องขยายเวลาเพิ่มจากกำหนดการเดิมอีก 2 วันเนื่องจากตกลงและหาข้อสรุปไม่ได้ในบางประเด็น ภายใต้แรงกดดันจากคนรุ่นใหม่ ที่ไม่ยอมให้นักการเมืองในสหประชาชาติ ใช้ลีลาการทูตซื้อเวลาในหลายๆ ประเด็นอย่างที่เคยเป็นมา… นับเป็นการประชุมโลกร้อนที่ใช้ระยะเวลาในการเจรจายาวนานที่สุดของสหประชาชาติ
หัวข้อสำคัญที่ใช้หารือในที่ประชุมคือการพยายามหาวิธีนำเอาความตกลงปารีส ปี 2015 ไปปฏิบัติจริงอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการกำหนดแผนปฏิบัติการที่จำเป็นเพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายที่ได้วางไว้ คือควบคุมไม่ให้อุณหภูมิเฉลี่ยโลกเพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับช่วงยุคก่อนอุตสาหกรรม โดยจะต้องหาข้อสรุปให้ได้ก่อนสิ้นปี 2020 ซึ่งเป็นปีที่ความตกลงปารีสเริ่มมีผลบังคับใช้
บรรดาผู้แทนจากฝ่ายต่างๆ ได้บรรลุข้อตกลงแผนการลดการปล่อยคาร์บอนที่สมบูรณ์ขึ้นในการประชุม COP26 ที่จะมีขึ้นครั้งหน้า ที่เมืองกลาสโกว์ สกอตแลนด์ ในช่วงปลายปี 2020 โดยทุกประเทศจะต้องเสนอแผนการมีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ท้าทายและเป็นวิทยาศาสตร์ เพื่อชลอและบรรเทาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นกว่าเดิม
ประเทศที่ร่วมผลักดันเป้าหมายใหม่อันท้าทายส่วนเป็นประเทศในสหภาพยุโรปและประเทศหมู่เกาะขนาดเล็กในมหาสมุทรต่างๆ
ขณะที่ประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา จีน บราซิล และอินเดีย ต่างแสดงจุดยืนคัดค้านการผลักดันเป้าหมายดังกล่าว ซึ่งสหรัฐอเมริกาได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหลังการถอนตัวออกจากการเป็นภาคีความตกลงปารีส และจะถอนตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2020
ส่วนประเด็นที่ยังตกลงกันไม่ได้ เป็นเรื่องคาร์บอนเครดิต โดยเฉพาะประเด็นการตั้งกฎของตลาดคาร์บอน ซึ่งจะเปิดโอกาสให้แต่ละประเทศและแต่ละองค์กรที่เกี่ยวข้องสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ … ซึ่งที่ประชุมตกลงเลื่อนไปพิจารณาเป็นหัวข้อสำคัญนี้ในการประชุม COP26 ปีหน้า
แม้ผลการประชุมจะไม่ประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ แต่ประเด็นโลกร้อนที่คนรุ่นใหม่ทุ่มเทต่อสู้ โดยมีสาวน้อย Greta Thunberg เป็นแกนนำ… ถือว่าประสบความสำเร็จในการชิงพื้นที่สื่อ และบีบประเทศมหาอำนาจให้อยู่ในสภาพขาดความชอบธรรมที่จะละเลยปัญหาสำคัญนี้
#FridaysForFuture ครับ
อ้างอิง
