ผลงานค้นคว้าทางวิชาการของนักจิตวิทยาหลายกลุ่มที่สนใจ “ด้านมืด” ในจิตใจของคนเรา ซึ่งได้ศึกษาพฤติกรรมทั้งที่หมิ่นเหม่ และ ท้าทายต่อจริยธรรม ศีลธรรม และ จารีตอันดีของสังคม… โดยเฉพาะพฤติกรรมทั่วไปของคนเราที่ดำเนินไปในชีวิตประจำวัน แต่แฝงไว้ซึ่งทัศนคติที่ไร้ความปรานี เห็นแก่ตัว ไร้ยางอาย หรือ แม้กระทั่งพฤติกรรมชั่วร้ายรุนแรงนานารูปแบบ ซึ่งได้ปรากฏเป็นเรื่องเล่า และ กรณีศึกษามากมายในทุกเรื่องราวที่เป็นประวัติศาสตร์ และ ในทุกๆ สังคม–เชื้อชาติ–วัฒนธรรม
Prof. Dr.Morten Moshagen นักจิตวิทยาระดับศาสตราจารย์จาก Universität Ulm กับ Prof. Dr.Benjamin E. Hilbig นักจิตวิทยาระดับศาสตราจารย์จาก University Kaiserslautern-Landau และ Prof. Dr.Ingo Zettler นักจิตวิทยาระดับศาสตราจารย์จาก University of Copenhagen ได้ร่วมกันศึกษา และ เผยแพร่ D Theory หรือ Dark Factor of Personality Theory หรือ ปัจจัยด้านมืดของบุคลิกภาพ… ซึ่งอ้างอิงพื้นฐานอุปนิสัยที่สร้าง “พฤติกรรมน่ารังเกียจ หรือ Aversive Personality” ทั้งหมด… โดยนักวิจัยกลุ่มนี้ได้พัฒนาเครื่องมือวัด D–Factor ภายใต้สมมุติฐานที่เชื่อว่า… มนุษย์ทุกคนมีด้านมืด และ ความชั่วร้ายซ่อนเร้นอยู่กับตัวโดยธรรมชาติไม่ต่างกัน ซึ่งจะแตกต่างกันก็เพียงความสามารถในการจัดการองค์ประกอบ และ สิ่งเร้าที่เข้ามากระตุ้นด้านมืด และหรือ ความชั่วนั้นได้แค่ไหนอย่างไรเท่านั้น!
ข้อมูลจาก DarkFactor.org อธิบายว่า… Dark Factor หรือ D จะใช้อธิบายถึงโอกาสที่คนๆ หนึ่งจะมีพฤติกรรมแสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเองอย่างโหดเหี้ยม แม้ว่าจะต้องทำบางอย่าง หรือ หลายอย่างที่กระทบ และ เป็นอันตรายต่อผู้อื่น รวมทั้งการทำร้ายผู้อื่นโดยตรง ในขณะที่ “ตน” ยังมีความเชื่อว่าเป็นพฤติกรรมที่ชอบธรรมแล้ว… ตั้งแต่พฤติกรรมน่ารังเกียจทั่วไปอย่างพฤติกรรมโกหก เหน็บแนม ก่อกวน ทำให้ขายหน้า เอาเปรียบ เหยียดหยาม กลั่นแกล้ง ข่มขู่ ดูหมิ่น และ นอกใจ… ไปจนถึงพฤติกรรมเลวทรามขั้นหลอกลวง ขโมย ลวนลาม ทำร้าย ทรมาน และ ฆ่าผู้อื่น
ประเด็นก็คือ… โดยทั่วไปของมนุษย์จะแสดงพฤติกรรม และ บุคลิกภาพที่สะท้อนถึงการมีจริยธรรม คุณธรรม และ การอยู่ร่วมในสังคมเพื่อใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยวตนเข้ากับสังคมรอบตัวให้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเป็นปกติ… แต่จิตวิทยาส่วนตนก็ไม่ได้ตัดแต่งแปลงเปลี่ยนบุคลิกภาพ และ พฤติกรรม “ด้านมืด” ที่มีมาแต่กำเนิดไปไหน… โดยเฉพาะบุคลิกภาพ และ พฤติกรรมที่นักจิตวิทยาเรียกว่า Dark Traits ซึ่งไม่ค่อยมีการพูดถึงกันบ่อยนักในอดีต… กระทั่งงานวิจัย และ เครื่องมือวัด D–Factor ถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางในปี 2018… จึงมีการตื่นตัวอย่างกว้างขวางในการใช้เครื่องมือวัด D–Factor มาศึกษาแรงจูงใจในการก่ออาชญากรรม การฆ่ากันตาย สงคราม รวมทั้งพฤติกรรมการแย่งชิงทรัพยากรทุกรูปแบบ จนกลายเป็นศาสตร์ และ เครื่องมือสำคัญในศาสตร์ด้านจิตวิทยาคลินิก อาชญาวิทยา เศรษฐศาสตร์พฤติกรรมอย่างกว้างขวาง
คณะนักวิจัยจาก DarkFactor.org ได้ศึกษาวิจัยปัจจัยด้านมืดในจิตใจ และ ความคิดความเชื่อของมนุษย์อย่างระมัดระวัง ซึ่งก่อนขะมีการเผยแพร่ เครื่องมือวัด D–Factor ได้มีความพยายามในการศึกษาปัจจัยในมิติต่างๆ ผ่านงานวิจัยมากถึง 4 ชิ้น พร้อมอ้างอิงเอกสารทางวิชาการอื่นอีกนับไม่ถ้วน… จึงได้ข้อสรุปเป็น เครื่องมือวัด D–Factor ที่เชื่อได้ และ ถอดปัจจัยด้านมืด 10 ตัวแปรที่จะนำเราไปสู่พฤติกรรมชั่วร้ายได้ไม่ยากเมื่อถูกกระตุ้น… ได้แก่
- Egoism หรือ ความเห็นแก่ตัว… อันเป็นพฤติกรรม และ บุคลิกภาพที่แสวงหาประโยชน์สุขเพื่อตนเองโดยการตักตวงประโยชน์จากผู้อื่น และ ส่วนรวมอย่างน่ารังกียจ
- Machiavellianism หรือ ความเจ้าเล่ห์… เป็นพฤติกรรมไตร่ตรอง คิดคำนวณ และ วางแผนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ชั่วร้าย และ เกิดผลกระทบด้านเสียหายตายเจ็บต่อผู้อื่น
- Moral Disengagement หรือ ละทิ้งศีลธรรม… พฤติกรรม และ บุคลิกภาพที่มีแนวโน้มจะละทิ้งศีลธรรมเป็นการชั่วคราว หรือ อย่างถาวร ภายใต้ปัจจัยที่ตนได้ประโยชน์ และหรือ ถูกกระตุ้น
- Narcissism หรือ หลงตัวเอง… มีพฤติกรรมมองตนเองสำคัญ หรือ ยิ่งใหญ่กว่าผู้อื่น ชอบเป็นจุดสนใจ คิดว่าตัวเองเด่นเลิศกว่าใคร
- Entitlement หรือ ยึดมั่นถือมั่นในฐานันดร หรือ เป็นอภิสิทธิ์ชน… ซึ่งเชื่อว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่นๆ แตกต่างด้วยการศึกษา ฐานะ ยศถาบรรดาศักดิ์ และหรือ แม้แต่ชาติตระกูล
- Psychopathy หรือ ไซโคพาธ… เป็นพฤติกรรม และ บุคลิกภาพด้วยปัญหาทางสุขภาพจิตที่ต่อต้าน ท้าทายสังคม แข็งกระด้าง สนใจเพียงความต้องการของตน ไม่ใส่ใจใคร ไม่สามารถควบคุมตนเอง และ แสดงพฤติกรรมเชิงลบออกมาได้ง่ายเมื่อถูกกระตุ้น
- Sadism หรือ ซาดิสม์… ชอบสร้างความเจ็บปวดทั้งทางร่างกายและจิตใจให้ตนเอง และ ผู้อื่น รู้สึกมีความสุขผ่านความเจ็บปวด
- Self-Centeredness หรือ เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง… มีพฤติกรรมการสร้างภาพ และ เติมแต่งคุณค่าตนแบบชนชั้น ยึดติดวัตถุ มีความอยากครอบครองสิ่งที่สูงส่งโดยใช้ตัวเอง และ ความต้องการของตนเองเป็นศูนย์กลาง
- Spitefulness หรือ เจ้าคิดเจ้าแค้น… มีความต้องการทำร้ายผู้อื่นทั้งด้านชื่อเสียง ทรัพย์สิน ร่างกาย หรือ พรากความสะดวกสบายของผู้อื่นเพื่อชดเชยความรู้สึกสะใจ และหรือ สุขใจของตน
- Greed หรือ ความโลภ… เป็นทัศนคติ และ ความเชื่อส่วนตนที่อยากมีอยากได้ในสิ่งที่จะทำให้ตนพึงพอใจ ซึ่งถ้าสิ่งนั้นได้ตกไปเป็นของคนอื่นก็อาจจะอิจฉา ขุ่นเคือง หรือ โกรธแค้นถึงขั้นทำเรื่องร้ายๆ เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนโลภที่จะครอลครองนั้น
เรื่องราวของ Dark Factor of Personality และ เครื่องมือวัด D–Factor ในปัจจุบันที่ต้นฉบับบทความนี้ถูกเขียนขึ้นก่อนสงกรานต์ ปี 2023 ยังถือว่าใหม่ และ อยู่ระหว่างการพัฒนาหลายด้าน ซึ่งแม้แต่ตัวแปรด้านมืดที่ผนวกเข้าไปใหม่อย่างปัจจัยความโลภ หรือ Greed ก็ยังถือว่าใหม่มากในเครื่องมือวัด D–Factor… ซึ่งผมขอข้ามที่จะลงรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเครื่องมือไปก่อน!… ซึ่งในเบื้องตนเพียงอยากจะ
References…