23 มีนาคม พ.ศ. 2566 คุณตรีนุช เทียนทอง ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้กล่าวถึงการตั้งกรมส่งเสริมการเรียนรู้ตตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2566 ซึ่งเมื่อพ้นกำหนด 60 วันนับตั้งแต่วันประกาศ หรือ ในวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 จะมีการยกเลิกพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ. 2551 และ ยกฐานะสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย หรือ สำนักงาน กศน. จากหน่วยงานภายใต้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ไปเป็น กรมส่งเสริมการเรียนรู้ หรือ กสร. หรือ Department Of Learning Promotion ที่มีฐานะเป็นนิติบุคคลภายในกระทรวงศึกษาธิการ… มีอำนาจหน้าที่ในการจัดการเรียนรู้ 3 รูปแบบ คือ…
- การเรียนรู้ตลอดชีวิต
- การเรียนรู้เพื่อการพัฒนาตนเอง
- การเรียนรู้เพื่อคุณวุฒิตามระดับ
ในวาระนี้… รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการอธิบายว่า ศธ. ได้กำหนดภารกิจที่ต้องทำให้เสร็จในกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้เกิดการตั้งกรมส่งเสริมการเรียนรู้ที่สมบูรณ์ เช่น…
- กำหนดอำนาจหน้าที่ โครงสร้าง และ หน่วยงานภายในของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ โดยประสานกับ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อออกแบบ และ หาแนวทางให้ได้มาซึ่งคณะอนุกรรมการขัาราชการพลเรือนของกรมส่งเสริมการเรียนรู้
- ประสานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อออกแบบและแนวทางให้ได้มาซึ่งคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาของกรมส่งเสริมการเรียนรู้
- การจัดตั้ง ยุบ รวม เลิก รวมถึงโอนบรรดากิจการ อำนาจหน้าที่ ทรัพย์สิน งบประมาณ สิทธิ หนี้สิน รวมถึงข้าราชการ ลูกจ้าง และ อัตรากำลังทั้งหมด จากสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการไปขึ้นกับกรมส่งเสริมการเรียนรู้… ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวม วิเคราะห์ และ เสนอถ่ายโอนเรื่องต่างๆ
- เร่งรัดให้มีการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 เพื่อจัดเตรียมกฎหมาย ประกาศกระทรวง ประกาศกรม และ ระเบียบกรมไว้ เพื่อให้เกิดการจัดทำให้แล้วเสร็จทันตามกรอบของระยะเวลาในแต่ละมาตรา และ การปฏิรูปหลักสูตรการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับ พระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้ เป็นต้น
รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการย้ำว่า… กฎหมายฉบับนี้มีความสำคัญมาก จะทำให้ผู้เรียนทุกช่วงวัยเข้าถึงการเรียนรู้ได้ตามความพร้อม และ ศักยภาพของบุคคล ทำให้เกิดความเสมอภาคและเท่าเทียมกันของทุกคนในการได้รับการศึกษา นำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา… ซึ่งกรมส่งเสริมการเรียนรู้ มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้อยู่ในวัยเรียนแต่ไม่ได้รับการศึกษา…ผู้ซึ่งพ้นวัยที่จะศึกษาในสถานศึกษา… ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล หรือ ทุรกันดาร และ ไม่มีหน่วยงานใดไปดำเนินการ… เพื่อให้ได้รับการศึกษาเพื่อดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพ ซึ่งสำนักงาน กศน. หรือ กรมส่งเสริมการเรียนรู้ ในอนาคตจะต้องมีการปรับปรุงระเบียบ กฎหมาย รวมถึงปรับภารกิจให้ทันการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการเรียนรู้และกลุ่มเป้าหมายที่สอดคล้องกับ พ.ร.บ. ดังกล่าวอย่างเร่งด่วน… เชื่อมั่นว่าความร่วมมือร่วมใจอย่างเข้มแข็งจากทุกภาคส่วนของคน กศน. และ ภาคีเครือข่าย จะขับเคลื่อนให้การดำเนินงานตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 เกิดผลประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนตามเจตนารมณ์
References…