Digital Marketing… อะไรยังไงกับ FB และ IG

ข้อมูลจาก Facebook วันที่ 16 กันยายน 2019 ชี้ว่า… Facebook มีสถิติผู้ใช้งานแอคทีฟต่อเดือน 2,300 ล้านคนทั่วโลก ส่วน IG มีผู้ใช้แอคทีฟต่อเดือน 1,000 ล้านคนทั่วโลก… ซึ่งแพลตฟอร์มโซเซียลมีเดียทั้งสอง ที่อยู่ใต้ปีก Facebook ถือว่าแข็งแกร่งในมิติของโซเซียลเน็ตเวิร์คจากจำนวนผู้คนบนแพลตฟอร์ม

จากยอดผู้ใช้งานจำนวนมหาศาลขนาดนั้น เป็นการตอกย้ำว่า… ทำไมแบรนด์และนักโฆษณายังต้องให้น้ำหนักกับ Facebook และ IG แต่ขณะเดียวกัน ทาง Facebook ก็ยังยืนยันว่า สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการโฆษณาบนแพลตฟอร์มในเครือ คือ เรื่องความโปร่งใสและการให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรก

ประเด็นก็คือ…. จะทำโฆษณาบน Facebook อย่างไร ให้ประสบความสำเร็จ?…

หลายท่านอาจเข้าใจว่า… การทำโฆษณาบน Facebook ที่มีการแข่งขันอย่างดุเดือด ทั้งจากนักโฆษณาและแบรนด์ จะต้องมี “งบประมาณ” เป็นเรื่องสำคัญ

แต่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ชี้ว่า… แม้งบประมาณที่เหมาะสมจะเป็นสิ่งสำคัญในการทำโฆษณา แต่สิ่งที่สำคัญกว่า คือ การกำหนดวัตถุประสงค์อย่างชัดเจนและสามารถดำเนินการได้ตามนั้นได้… ไม่ว่าจะเน้นการขายหรือสร้างการรับรู้แก่แบรนด์

แนวคิดการทำโฆษณาบน Facebook ยึดถือเรื่อง “People First” สำคัญที่สุด… ดังนั้นการทำโฆษณาจึงต้องสมเหตุสมผลและเกี่ยวข้องกับผู้ใช้งานจริง ๆ ไม่ใช่แค่โฆษณาที่ส่งขึ้นฟีดแบบหว่านๆ… ซึ่งการที่ Facebook พยายามอธิบายว่าการลงเม็ดเงินมาก ๆ กับโฆษณานั้นไม่ใช่ที่สุด! ก็เพื่อต้องการสะท้อนว่า แบรนด์เล็ก ๆ ก็เข้าถึงโฆษณาบน Facebook ได้เช่นกัน แค่ท่านคำนึงถึงประโยชน์ให้ดีทั้งเรื่องการทำโฆษณาและการสื่อสารกับลูกค้าเป้าหมาย

สำหรับการทำโฆษณาบน Facebook ให้ประสบความสำเร็จนั้น ทีมงาน Facebook แนะนำเคล็ดลับเอาไว้ 3 ประการ ได้แก่…

  • อย่าหลุด Objectives : เป็นเรื่องที่ Facebook ย้ำว่าสำคัญที่สุดก็คือการเลือกวัตถุประสงค์ของแคมเปญให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายที่แท้จริงที่แบรนด์ต้องการ
  • รู้จักเครื่องมือ : เพราะระบบการเผยแพร่โฆษณาของ Facebook มีตั้งแต่เริ่มแคมเปญ และยังสามารถปรับตามพฤติกรรมการตอบสนองของผู้ใช้งานได้ ดังนั้น การจะเพิ่มโอกาสให้การทำโฆษณาเกิดประสิทธิภาพ ก็คือ การทำความรู้จักและเข้าใจเครื่องมืออย่างชัดเจน ขณะเดียวกันระบบของ Facebook เองก็มี Learning Machine ที่จะประเมินผลเช่นกันว่าโฆษณาดังกล่าวกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ดีและมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับ Objectives ที่กำหนดไว้ หรือเป็นแค่การทำโฆษณาแบบหว่าน และอีกเรื่องสำคัญ คือ อย่าลืมว่าโฆษณาที่ดีไม่ควรมี Text มากกว่า 20% ของพื้นที่โฆษณานั้น
  • อย่าจบแค่เห็นโฆษณา : การทำโฆษณาให้ประสบความสำเร็จไม่ใช่แค่การทำให้ลูกค้าเป้าหมายมองเห็น หรือเจอโฆษณา แต่หมายถึงการทำให้เกิดเรื่องราวต่อจากนั้น! ไม่ว่าจะเป็นความต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติม ความต้องการซื้อสินค้า ความต้องการรู้จักแบรนด์ให้มากขึ้น หรือแม้แต่การแชร์เรื่องราวออกไปยังผู้คนรอบตัว จึงกลายเป็นโจทย์ที่นักโฆษณาจะต้องรู้ว่า ควรใส่ข้อมูลอะไร อย่างไร เพื่อเชื่อมโยงไปยังแบรนด์และสินค้าได้ทันทีโดยที่ผู้ใช้จะไม่ต้องกดออกจากแอป แล้วไปค้นหาหรือใช้ช่องทางอื่นอีก

ตามปกติ…ไตรมาสสุดท้ายของปี ถือเป็นช่วงเวลาที่ธุรกิจแข่งขันกันอย่างดุเดือด ยิ่งทำให้การทำโฆษณาเข้มข้นตามไปด้วย ซึ่งพฤติกรรมในตลาดอาเซียนนั้น พบว่ามีความโดดเด่นเรื่อง “การซักถาม ก่อนซื้อ” กว่าภูมิภาคอื่น โดยเฉพาะในประเทศไทย ซึ่งทำให้การทำโฆษณาแบบ Click to Messenger Ads และ Live ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และกลายเป็นรูปแบบการขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึง การใช้ Stories ซึ่งกลายเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือของ Online Marketing ที่กำลังได้รับความนิยมทั้งจากแบรนด์และนักโฆษณาเอง

ส่วนคำถามที่ว่า… การทำโฆษณาบน Facebook แตกต่างกับ IG อย่างไร?… ลองพิจารณาจากข้อมูลต่อไปนี้ครับ

  • Facebook คือ เครือข่ายสังคมเพื่อนฝูง จากการ Add Friends สู่การติดตามเรื่องราวและแบรนด์ที่สนใจ ส่วน IG คือ แพลตฟอร์มที่ผู้ใช้เลือกจากความสนใจเป็นหลัก แล้วจึงกด Follows เพื่อติดตาม
  • มีสถิติระบุว่า 80% ของผู้ใช้ IG กดติดตาม Business Account และมี 370 ล้านคน ที่เข้าถึงโปรไฟล์ของแบรนด์เหล่านั้นเป็นประจำทุกวัน เรื่องนี้ยิ่งสะท้อนว่า คนยอมรับแบรนด์บนแพลตฟอร์ม IG มากกว่าบน Facebook
  • แต่ละวัน IG Stories มีผู้ใช้งานกว่า 500 ล้านเรื่องราว
  • ลูกเล่นบน IG Stories นั้นมีหลากหลายกว่าบน Facebook Stories Ads
  • โฆษณาบน IG เป็นแบบแนวตั้งและเต็มหน้าจอ จึงสามารถดึงดูดผู้คนได้ดีจากภาพขนาดใหญ่ เห็นชัดเจน
  • การใช้ IG ทำให้ผู้คนค้นพบแบรนด์และสินค้า มากขึ้น 83%
  • 80% ของผู้ใช้ IG ระบุว่า มีโอกาสติดสินใจซื้อสินค้าและบริการผ่านช่องทางดังกล่าว
  • 69% ระบุว่า IG ทำให้พวกเขาเข้าถึงอินฟลูเอนเซอร์ได้ง่าย
  • IG มีเครื่องมือที่เรียกว่า “Branded Content” เพื่อทำให้แบรนด์และอินฟลูเอนเซอร์ร่วมงานกันได้ประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น จากเดิมที่แบรนด์ให้อินฟลูเอนเซอร์ช่วยโปรโมทให้ โพสต์ก็จะขึ้นอยู่ที่อินฟลูเอนเซอร์เท่านั้น แต่เครื่องมือดังกล่าวทำให้แบรนด์สามารถบูสต์โพสต์ดังกล่าวได้ด้วย สามารถนำมาใช้ได้ทั้งบน Feed และ Stories ซึ่งทาง IG เองก็ออกโรงสนับสนุนให้แบรนด์และอินฟลูเอนเซอร์ใช้เครื่องมือนี้ให้มากขึ้น เพราะต้องการเปิดช่องทางโฆษณาที่ “โปร่งใส” ทำให้ผู้ใช้ IG ได้รู้ว่า โพสต์หรือ Stories ที่เห็นอยู่นั้นเป็นการโฆษณาแบบชัดเจน

ข้อมูลทั้งหมดนั้นเป็นการเปิดเผยและประชาสัมพันธ์จากคุณเจมส์ ตัน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคของ Facebook… ซึ่งผมเห็นว่าสามารถตอบคำถามที่ผมเองก็เจอบ่อยว่า… ดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งบน Facebook กับ IG ต่างกันยังไง ใช้ตัวไหน ทำอะไร…

การประชาสัมพันธ์เป็นเรื่องใหญ่ของธุรกิจครับ… ต้องเรียนรู้และใช้ให้เป็น… ผมเคยเห็นร้านข้าวแกงเพิงเล็กๆ ริมทางที่ขึ้นป้ายบอกคนผ่านทางเป็นระยะๆ นำทางไปจนถึงหน้าร้าน… ในขณะที่ตัวแทนจำหน่ายมอเตอร์ไซค์ในอำเภอชายแดน อัดจิงเกิลโฆษณาอย่างดีไปจอดเปิดหน้าตลาดนัด

การเลือกเครื่องมือและรูปแบบการโฆษณาประชาสัมพันธ์จึงต้องเก่งและรู้ว่า… ลูกค้าของท่านทำอะไรอยู่ที่ไหน… เหมือนท่านจะตกปลา ท่านต้องรู้จักที่ๆ ปลาชุกชุมครับ มีเหยื่อเบ็ดดีๆ และเพียงพอ… ที่เหลือก็แค่

 HOOK!

อ้างอิง

Facebook
Twitter
LinkedIn
Pinterest
Tumblr

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *