Disruptive Strategy… กลยุทธ์ก่อกวนโอกาส #SaturdayStrategy

Disruptive Strategy หรือ กลยุทธ์ก่อกวน หรือ กลยุทธ์ก่อกวนโอกาส ซึ่งหนังสือ The Innovator’s Solution ของ Professor Dr.Clayton Christensen อธิบายไว้ในทำนองว่า… Disruptive Strategy เป็นกลยุทธ์ด้าน “ผลิตภัณฑ์ และหรือ บริการที่พัฒนาขึ้นใหม่” เพื่อทดแทนผลิตภัณฑ์ และหรือ บริการดั้งเดิมที่มีราคาแพง ซับซ้อน ไม่สมเหตุสมผล และ ยุ่งยากสำหรับลูกค้ากลุ่มใหญ่ โดย “ ผลิตภัณฑ์ และหรือ บริการที่พัฒนาขึ้นใหม่” จะเข้าไปขัดขวางโอกาสทางการตลาดของคู่แข่งได้ถึงขั้น “ถอนรากถอนโคน” คู่แข่งจนถึงขั้นล้มหายตายไปจากตลาดอย่างรวดเร็ว

กรณีการหายไป หรือ การถูก Disrupted ของ “กล้องคอมแพค” ในวันที่ Smartphone ราคาถูกก็สามารถถ่ายภาพได้เหนือกว่ากล้องคอมแพคจนไม่เหลือให้เห็นในตลาด และ ในมือนักท่องเที่ยว… ทั้งๆ ที่กล้องคอมแพค หรือ Digital Compact Camera ก็เคย Disrupted กล้องฟิล์มจนธุรกิจเทคโนโลยีถ่ายภาพในตำนานอย่าง Kodak หายไปจากตลาดก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่ปี

ประเด็นก็คือ… ผลกระทบจาก Disruptive Strategy ซึ่งมักจะมากับ Disruptive Technology จะมีเพียงฝ่ายที่ได้รับโอกาส และ ผลประโยชน์โดยปริยาย กับ ฝ่ายที่สูญเสียโอกาส และ ผลประโยชน์มากมายเท่านั้น… โดยหลายกรณีสามารถเกิดการสูญเสียโอกาส และ ผลประโยชน์ได้มากมายถึงขั้นไม่เหลืออะไรเลยก็เป็นไปได้

Larry Myler ผู้เชี่ยวชาญกลยุทธ์การตลาด B2B ได้แนะนำกรอบการนำ Disruptive Strategy มาใช้กับธุรกิจเพื่อค้นหาโอกาส และ ผลประโยชน์โดยปริยายจากตลาดที่มีขนาดและมูลค่าสูงเอาไว้ 4 เทคนิคคือ…

  1. Evaluate Technology หรือ ประเมินเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอ… อย่าดูเบาโอกาสน้อยนิดที่เทคโนโลยีใหม่ๆ มีโอกาสเฉียดใกล้จุดจบของธุรกิจ
  2. Don’t Wait For Disruption หรือ อย่ารอให้การก่อกวนพลิกผันทางธุรกิจเกิดขึ้นก่อน… เพราะทันทีที่ลูกค้าเปลี่ยนใจไปหาสินค้า หรือ บริการใหม่จนส่งผลกระทบชัดเจนเมื่อไหร่ ก็จะหมายถึงโอกาสที่เหลือน้อยของฝ่ายที่ถูก Disrupted แล้ว
  3. Watch Your Competition Like A Hawk หรือ จับตาภาวะการแข่งขันให้เหมือนเหยี่ยว… โดยต้องเห็นภาพรวมในมุมกว้างที่เห็นครบทั้งคู่แข่ง และ ตัวแปรความสำเร็จ และ ตัวแปรความล้มเหลว
  4. Keep A Finger On The Pulse Of Your Customers หรือ จับชีพจรของลูกค้าไว้อย่าได้ปล่อย… เพราะการ Disrupted จะเกิดขึ้นกับลูกค้าเสมอ

ส่วนประโยชน์ของการเป็น Disruptor หรือ ผู้ก่อกวนเพื่อยึดครองโอกาสทางธุรกิจ ที่สถาบัน MIT ID Innovation อธิบายไว้เพื่อเป็นข้อมูลต้นแก่นักศึกษาของ MIT บอกว่า… 

  • ธุรกิจจะสามารถขยายตลาด และ ค้นพบโอกาสเพิ่มขึ้นใหม่เป็นพิเศษได้อีกเรื่อยๆ
  • ธุรกิจจะสามารถดำเนินงานบนกลยุทธ์ และ โอกาสของตัวเองตลอดเส้นทาง โดยไม่ต้องวิ่งตามโอกาสของคู่แข่ง และ Disruptor ทั้งในและนอกอุตสาหกรรมที่ตนเชี่ยวชาญ และ มีลูกค้าอยู่ในมือ
  • ธุรกิจสามารถค้นหา “นวัตกร และ นักบุกเบิก” มาทำงานให้องค์กรได้ก่อนจะเกิดการแย่งตัวในระหว่างการแข่งขัน
  • ธุรกิจจะเข้าถึงโอกาสใหม่ที่ยังไร้คู่แข่ง และ คนตามทันจนได้โอกาสตักตวงความได้เปรียบเหนือการแข่งขัน หรือ Competitive Advantage อย่างอิสระ

การเป็น Disruptors และ สามารถใช้ Disruptive Strategy ในการทำธุรกิจนั้น… ในทางเทคนิคจะเป็นเรื่องของวิสัยทัศน์ และ วัฒนธรรมองค์กร ซึ่งต้องการต้นทุนด้านทรัพยากรมนุษย์ค่อนข้างเฉพาะเจาะจง… การคิดออก และ ทำให้ได้อย่างที่คิดจึงเป็นเรื่องไม่ง่ายสำหรับองค์กรที่ขาดคนมีความรู้ที่เกี่ยวข้องอย่างดี… มีทักษะเฉพาะที่โดดเด่น และ ทำงานสร้างสรรค์ร่วมกันเป็น… 

References…

Facebook
Twitter
LinkedIn
Pinterest
Tumblr

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts