Thailand classroom

Education in Thailand… งานมหกรรมการศึกษาไทย โดย สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา #ReDucation

งานสัมนามหกรรมการศึกษาไทย Education in Thailand แบบออนไลน์ ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-29 กันยายน พ.ศ. 2564 เกิดขึ้นอย่างคึกคัก และ เป็นกระแสไม่ธรรมดาในหมู่พี่น้องครูไทยที่แชร์ข้อมูล และ วิธีเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อให้ได้รับเกียรติบัตรจากสภาการศึกษา โดยมีสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา หรือ สกศ. เป็นเจ้าภาพจัดงาน

สกศ. เลือกใช้แม่ข่ายหลักในการสตรีมมิ่งผ่านแพลตฟอร์ม Webex หรือ Cisco Webex พร้อมแพลตฟอร์มคู่ขนานอย่าง Facebook Live และ YouTube Live โดยมี ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี… พร้อมคุณตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ… คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ… คุณกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และ ดร.สุวิทย์  เมษินทรีย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และ นวัตกรรม ร่วมเปิดการประชุมและมีปาฐกถาพิเศษในวาระนี้…

ปาฐกถาพิเศษโดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย ได้เปิดประเด็นเรื่อง การศึกษาเพื่อความยั่งยืน ซึ่งความตอนหนึ่งชี้ว่า… การจัดการศึกษาเป็นตัวตัดสินว่าประเทศไหนจะเจริญก้าวหน้า และยั่งยืนแค่ไหน ซึ่งทุกประเทศมีเป้าหมายการศึกษา คือ ต้องการสร้างความยั่งยืน ในความเป็นอารยธรรม วัฒนธรรมของเขาเสมอ… เราจะจัดการศึกษาไปทำไม ถ้าบ่อนทำลายความเป็นไทยไปทุกขณะ… ซึ่งประเทศไทยก็เช่นกัน เราต้องทำให้มีความยั่งยืนในความเป็นไทย-ครอบครัว-ชุมชน และ ความยั่งยืนขององค์กรทั้งรัฐและเอกชน ซึ่ง ศธ. และ อว. ต้องสนับสนุนดูแลภาพรวมของการศึกษา ขณะเดียวกัน สกศ. ถือเป็นหัวใจ เป็นมันสมอง และ ดูแลปรับปรุงการศึกษาให้ทันสมัยอยู่เสมอ ระบบการแนะแนวต้องทำให้เด็กมีเป้าหมายในชีวิต มีสัมมาอาชีวะ แนะแนวการเป็นคนดี ไม่ใช่แนะแนวจะต้องเรียนต่อในด้านใดเท่านั้น สิ่งที่ตนขอฝาก ศธ. อว. และ สกศ. มี 5 เรื่อง คือ 

  1. เรื่องประวัติชนชาติไทย ต้องสืบสานให้ยั่งยืน 
  2. วิเคราะห์สังคมไทยในปัจจุบัน 
  3. นำพระบรมราโชบายด้านการศึกษา ของรัชกาลที่ 10 ทั้ง 4 ด้าน ไปปฏิบัติ  
  4. สานต่อปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และ 
  5. ศึกษาเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ของสหประชาชาติ

ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ… คุณตรีนุช เทียนทอง ได้กล่าวเปิดการประชุม และ เล่าถึงนโยบายการศึกษาประจำปีงบประมาณ 2565 ตอนหนึ่งว่า… สกศ. ถือเป็นองค์กรสำคัญในการกำหนดทิศทางการศึกษาของประเทศ ซึ่งตนขอให้ สกศ. ประเมินผลการดำเนินงานของแผนปฏิรูปการศึกษา 5 ปีที่ผ่านมา และ การขับเคลื่อนแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติที่ 11 เรื่อง การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต และ 12 เรื่อง การพัฒนาการเรียนรู้ เพื่อนำผลมาใช้ขับเคลื่อนการศึกษา และ สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมนโยบายเร่งด่วน (Quick Win) อีก 7 ด้าน… โดยมีเป้าหมายหลักสำคัญครอบคลุม 4 เรื่องหลัก คือ 

  1. การพัฒนาการศึกษาที่มีคุณภาพ 
  2. การลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา 
  3. การเพิ่มประสิทธิภาพการศึกษาโดย Big Data ซึ่งการจัดเก็บข้อมูลถือเป็นหัวใจสำคัญอย่างยิ่ง และ
  4. การสร้างอาชีพสร้างคนให้เหมาะกับงานและตลาดแรงงาน 

อย่างไรก็ตามในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้การใช้ชีวิต และ การเรียนรู้เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง จึงเป็นโจทย์สำคัญให้ สกศ. เตรียมข้อมูล และ แนวทาง ที่จะช่วยสนับสนุนองคาพยพการจัดการศึกษาของ ศธ. เช่น การเตรียมความพร้อม การเปิดภาคเรียน หรือ การจัดการเรียนการสอนที่ต้องจัดหลังจากนี้ การประเมินและวัดผลผู้เรียนอย่างไรให้สอดคล้องกับสถานการณ์

ด้านคุณหญิงกัลยา โสภณพาณิช ได้กล่าวถึงความพยายามตลอดปีงบประมาณ 2565 ของตน ผ่านนโยบายที่อยากให้ทุกคนร่วมกันขับเคลื่อนโครงการ Coding for All คนไทยต้องเรียนรู้ Coding โดย ศธ. จะมีการขยายกลุ่มเป้าหมายการเรียนรู้ ให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ทุกช่วงวัย ซึ่งปัจจุบันเราอบรมครูของ ศธ. ได้มากกว่า 300,000 คนแล้ว มีการปรับการเรียนรู้สเต็มศึกษา (STEM) เป็น STEAM โดยเพิ่มเรื่องของ Arts หรือ คุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม วัฒนธรรม ประเพณีที่ดีงาม ซึ่งเป็นต้นทุนของคนไทย เข้าไปผสานกับการเรียนสะเต็มศึกษา และ เดินหน้าดำเนินโครงการวิทยาศาสตร์พลังสิบ เพื่อให้คนไทยทุกช่วงชั้นได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรมอย่างเท่าเทียม และมีคุณภาพ ถือเป็นการขยายโอกาสให้นักเรียนได้เข้าถึงการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ฝ่ายคุณกนกวรรณ วิลาวัลย์ ก็ได้พูดถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ใน 2 ปีนี้ ได้บอกอะไรกับศธ. และประชาชนมากมายว่า… มิติการจัดการศึกษาจะไม่ได้มองแต่การศึกษาในระบบเท่านั้น แต่ต้องมองถึงการศึกษานอกระบบ และ การศึกษาเอกชนด้วย ซึ่งจากการลงพื้นห่างไกล ทำให้เห็นว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้น จำเป็นที่ ศธ. ต้องร่วมกับทุกภาคส่วนในการจัดการศึกษาให้มีประสิทธิภาพ ส่งเสริมการเรียนรู้ทุกมิติ ต้องสร้างเด็กให้เป็นนวัตกรน้อย  เป็นนักคิด และ นักปฏิบัติ  การส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตมีความสำคัญอย่างมาก การศึกษานอกระบบจะต้องไม่ใช่เน้นแต่การเรียนแบบการศึกษาพื้นฐานเท่านั้น ต้องให้บริการประชาชนที่เข้ามาอย่างหลากหลายรูปแบบ และ สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในแต่ละพื้นที่  เพื่อให้เกิดการศึกษาตลอดชีวิตอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ในเรื่องการศึกษาเอกชน เราจะต้องทำให้เรื่องค่าใช้จ่ายรายหัวให้เป็นระบบมากขึ้น เพื่อสะท้อนภาพแห่งความเป็นจริงในการลงทุนทางการศึกษา และ ดูแลให้โรงเรียนเอกชนได้รับการพัฒนา ผู้ปกครองก็มีความสุข นักเรียนก็มีความสุข

ในขณะที่ปาฐกถาโดย ดร.สุวิทย์  เมษินทรีย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และ นวัตกรรมได้เปิดประเด็นการศึกษาไทยหลังโควิดตอนหนึ่งว่า… เราจะต้องปรับเปลี่ยนระบบการศึกษาไทยเพื่อให้สอดรับกับพลวัตโลกหลังโควิด ใน 7 เรื่อง คือ 

  1. อยู่ในโลกที่ไม่ใช่ใบเดิม โดยปรับเปลี่ยน Mindset ก่อนเปลี่ยน Skill-Set   
  2. ท่องโลกกว้าง เรียนรู้เชิงประจักษ์ จาก My School is My World สู่  My World is My School 
  3. เติมเต็มศักยภาพ มุ่งสิ่งที่ชอบ ทำสิ่งที่ใช่  จาก Basic Academic Disciplines สู่ Personalized Education  
  4. ผนึกกำลังร่วมรังสรรค์ จาก Teacher Centric Education สู่ Teacher / Parent / Youth Partnership  
  5. รับมือกับการเรียนรู้ตลอดชีวิต จาก 3 Stage Life สู่ Multi Stage Life  
  6. เตรียมพร้อมสู่การเรียนรู้ในหลากหลายรูปแบบ จาก On-Site/Online Education สู่ Hybrid Education
  7. เสริมปัญญามนุษย์ด้วยปัญญาประดิษฐ์ จาก Human/Artificial Intelligences สู่ Collaborative Intelligences

แค่ Keywords เชิงวิสัยทัศน์จากคำกล่าวของของอาจารย์ ดร.สุวิทย์  เมษินทรีย์เพียงชุดข้อมูลเดียว… โดยส่วนตัวก็ถือว่าเปิดหูเปิดตาไม่ธรรมดาแล้วครับ

References…

Facebook
Twitter
LinkedIn
Pinterest
Tumblr

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts