ธุรกิจร้านอาหารในช่วงท้ายปี 2021 ซึ่งทางการได้ผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ลง ทั้งการยกเลิกเคอร์ฟิวในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว และ อนุญาตให้ธุรกิจร้านอาหารสามารถกลับมาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการนั่งทานในร้านได้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2564 แบบมีเงื่อนไข… และทุกฝ่ายต่างก็หวังร่วมกันว่า ธุรกิจร้านอาหารจะกลับมาให้บริการเต็มรูปแบบใกล้เคียงปลายปี 2019 ก่อนวิกฤตโควิดจะเริ่มต้น… ถึงแม้จะมีร้านอาหารส่วนหนึ่งหายไปตลอดกาล
มาตรการยกเลิกเคอร์ฟิวในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวถือเป็นส่วนสำคัญยิ่ง เนื่องจากร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบส่วนใหญ่ จะมียอดขายกระจุกตัวอยู่ในช่วงเวลาเย็นจนถึงค่ำ ขณะที่การอนุญาตให้ร้านอาหารสามารถกลับมา “ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” ให้กับลูกค้านั่งทานในร้าน ก็จะช่วยสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างเด่นชัด
ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา… ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้เผยแพร่รายงานเรื่อง การผ่อนคลายมาตรการ สู่การฟื้นตัวของธุรกิจร้านอาหาร Full Service… โดยมีตัวเลขคาดการณ์ว่า ธุรกิจร้านอาหารแบบบริการเต็มรูปแบบจะกลับมาขยายตัวร้อยละ 26.5 ในปี 2022
ผลสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ที่พบว่า… ท่ามกลางสถานการณ์โควิดที่ยังน่ากังวลสำหรับผู้บริโภคบางกลุ่ม แต่ผู้บริโภคในกรุงเทพมหานครก็ได้เริ่มออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านโดยเฉพาะการใช้บริการด้วยการนั่งทานในร้านอาหารมากขึ้น รวมถึงอาจมีแนวโน้มที่จะไปใช้บริการนานขึ้น หรือ บ่อยขึ้น หากสถานการณ์โควิดไม่กลับมารุนแรง
กลุ่มตัวอย่างกว่า 72% เริ่มมีความมั่นใจและกลับไปใช้บริการนั่งทานอาหารในร้าน หลังจากที่ทางการผ่อนคลายมาตรการอนุญาตให้นั่งทานอาหารภายในร้านตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2021… แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตว่า ร้านอาหารที่กลุ่มตัวอย่างกลับไปใช้บริการส่วนใหญ่… เป็นร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าหรือคอมมูนิตี้มอลล์ อาทิ ชาบูปิ้งย่าง ร้านอาหารญี่ปุ่น และ ร้านสุกี้ เป็นต้น ขณะที่รองลงมา จะเป็นกลุ่มร้านอาหารประเภทสวนอาหารที่มีคาแรคเตอร์เฉพาะ เช่น ร้านอาหารที่ตกแต่งแบบธรรมชาติ และมีมุมถ่ายภาพที่สวยงาม
กลุ่มตัวอย่าง 77% มองว่า… การประกาศขยายเวลาทำการของร้านอาหาร และ การลดระยะเวลาเคอร์ฟิวของภาครัฐตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2021… สนับสนุนการเข้าใช้บริการร้านอาหารนานขึ้นและบ่อยขึ้น ขณะที่ 23% มองว่า… ไม่มีผลต่อการเข้าใช้บริการร้านอาหาร ซึ่งกลุ่มตัวอย่างดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ยังไม่ได้กลับไปใช้บริการนั่งทานในร้านอาหาร
กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ราว 65% ยังไม่มีแผนที่จะจัดงานสังสรรค์ในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองคริสต์มาสและส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เนื่องจากยังรอดูสถานการณ์โควิด และ รอดูความชัดเจนในการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ของทางการ… แต่กลุ่มตัวอย่างประมาณ 22% มีแผนที่จะจัดงานรวมกลุ่มสังสรรค์กับเพื่อนฝูง และ ครอบครัวที่ร้านอาหารในช่วงเทศกาล โดยคาดว่าจะออกไปนั่งทานเฉลี่ย 3-4 ครั้งภายในเดือนธันวาคม ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่มีการแพร่ระบาดระลอกใหม่อย่างรุนแรง
นักวิเคราะห์จากศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า… การผ่อนคลายมาตรการของภาครัฐ อาทิ การเปิดให้นั่งทานอาหารในร้าน การปรับลดพื้นที่เคอร์ฟิว และ การเปิดให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว จะส่งผลดีต่อกลุ่มธุรกิจร้านอาหารประเภท Full-Service Restaurants โดยทำให้ผู้บริโภคมีแนวโน้มออกไปทานอาหารและใช้เวลาในร้านอาหารมากขึ้นหรือถี่ขึ้น และ คาดว่าในช่วง 2 เดือนสุดท้ายที่เหลือของปี 2021 จะมีการขยายตัวของจำนวนการใช้บริการต่อครั้ง หรือ จองโต๊ะเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วง 10 เดือนแรกของปี… ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของยอดการใช้จ่ายจากระยะเวลาในการใช้บริการต่อครั้งที่นานขึ้น ทำให้อาจจะมีการสั่งอาหารรวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบ น่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 2,000 ล้านบาทจากคาดการณ์เดิม และ มีมูลค่าทั้งปีอยู่ที่ประมาณ 113,000 ล้านบาท… ลดลง 28.5% จากปี 2020
แนวโน้มธุรกิจร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบ ปี 2021 น่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ราว 26.5% จากปัจจัยหนุนที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันการแข่งขันที่รุนแรงก็ยังเป็นความท้าทายสำคัญ
แนวโน้มธุรกิจร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบในปี 2022 เริ่มมีปัจจัยหนุนมากขึ้น ทั้งการผ่อนคลายมาตรการของทางการ และ การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ… หากสถานการณ์การระบาดของโควิดในประเทศดีขึ้น หรือ ไม่มีการกลับมาระบาดจนทำให้ทางการต้องกลับมาใช้มาตรการควบคุมอีกครั้ง น่าจะช่วยให้ธุรกิจร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง หลังจากการหดตัวอย่างรุนแรงต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองการฟื้นตัวของธุรกิจร้านอาหารให้บริการเต็มรูปแบบ เป็น 2 กรณี คือ
กรณีที่ 1… ภายใต้สมมติฐานที่สถานการณ์โควิดมีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับ จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงต่อเนื่องและการฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่ตามแผนของภาครัฐ ผู้บริโภคในประเทศมีความเชื่อมั่นในการเข้าใช้บริการ มีการเปิดประเทศนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น ส่งผลให้มีการขยายตัวต่อเนื่องของจำนวนความถี่ในการนั่งทาน และ ทำให้จำนวนการใช้บริการต่อครั้ง หรือ จำนวนโต๊ะ ในปี 2022 มากถึง 204 ล้านครั้ง… คาดว่าจะมีการขยายตัวของยอดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นประมาณ 4.2% และ ทำให้ตลาดธุรกิจร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบ มียอดขายรวมในกรณีพื้นฐานอยู่ที่ประมาณ 143,000 ล้านบาท หรือ คิดเป็นการขยายตัว 26.5%
กรณีที่ 2… ภายใต้สมมติฐานที่มีการแพร่ระบาดครั้งใหม่เกิดขึ้นและมีการยกระดับของมาตรการควบคุม ไม่ให้จำหน่ายอาหารภายในร้าน แต่ไม่ได้มีการ Lock Down จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และทำให้จำนวนต่อครั้งลดลงเหลือเพียงประมาณ 186 ล้านครั้ง โดยประเมินว่าตลาดธุรกิจร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบ จะเหลือมูลค่าประมาณ 129,000 ล้านบาท หรือ คิดเป็นการขยายตัว 14.2%
อย่างไรก็ดี โอกาสการกลับมาฟื้นตัวและมูลค่ายอดขายของธุรกิจดังกล่าวยังคงขึ้นอยู่กับปัจจัยรอบด้านต่างๆ ที่สำคัญ อาทิ กำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค… รวมถึงปัจจัยเฉพาะที่มีผลต่อรูปแบบการฟื้นตัวของร้านอาหารในกลุ่มนี้ที่แตกต่างกัน โดยในปีข้างหน้าคาดว่าตลาดธุรกิจร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบจะกลับมามีสีสันอีกครั้ง
นอกจากนั้น… แรงขับเคลื่อนจากแผนการลงทุนของผู้ให้บริการรายใหญ่ซึ่งถูกชะลอมาจากปี 2021 รวมถึงการเร่งขยายพอร์ตอาหารให้ครอบคลุมประเภทอาหารมากยิ่งขึ้น… นักวิเคราะห์จากศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า… ในปี 2022 ผู้ประกอบการรายใหญ่จะลงทุนเพิ่มเติมในแพลตฟอร์มธุรกิจร้านอาหารของตนให้สามารถรองรับการทำตลาดทั้งในส่วนของการขายภายในร้าน การขายแบบ Delivery และ การขายสินค้าในพอร์ทการลงทุนแบบข้ามแบรนด์ หรือ Cross-selling มากยิ่งขึ้น… ขณะที่ผู้ประกอบการร้านอาหารรายเล็กและรายกลาง คาดว่ายังคงดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวังและรอการกลับมาของลูกค้ากลุ่ม mass โดยคาดว่าจะมีการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป
ภาพรวมการวิเคราะห์จากศูนย์วิจัยกสิกรไทยสรุปว่า… แม้ทิศทางธุรกิจร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบ จะกลับมาดีขึ้น แต่ผู้ประกอบการต้องเผชิญโจทย์ทางธุกิจที่สำคัญอย่าง… แนวโน้มต้นทุนการดำเนินธุรกิจที่สูงขึ้น ทั้งราคาวัตถุดิบ อาหารปรับตัวสูงขึ้น ค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภค เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าเช่าพื้นที่ ค่าจ้างแรงงาน รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานการรักษาความสะอาดและตรวจคัดกรองโรคที่อาจทำให้ต้นทุนธุรกิจเพิ่มราว 2-5% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด โดยเฉพาะการจัดหาชุดตรวจ ATK ให้พนักงาน น้ำยาทำความสะอาด ค่าเจลแอลกอฮอล์ ระบบฟอกอากาศและเครื่องอบค่าเชื้ออุปกรณ์ ขณะเดียวกัน การรักษาระยะห่างและจำกัดจำนวนคนเข้าใช้บริการก็น่าจะส่งผลให้รายได้ต่อพื้นที่ หรือ Sales Per Square Foot ของร้านอาหารยังไม่สามารถกลับมาได้อย่างเต็มที่… ซึ่งปัจจัยต่างๆ ดังกล่าว คาดว่าจะสร้างแรงกดดันต่อกำไรสุทธิ รายได้ สภาพคล่อง และ สถานะทางการเงินของธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการที่มีประเด็นสภาพคล่องและมีภาระทางการเงินด้านสินเชื่อ
ดังนั้น… ผู้ประกอบการร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบ จำเป็นต้องปรับรูปแบบธุรกิจเพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มที่เปลี่ยนไป… ทั้งการเพิ่มสัดส่วนการทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงการมีแอดมินเพจหรือแชทบอทที่คอยดูแลตอบคำถาม และ รับออร์เดอร์บนช่องทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งการผสมผสานระหว่างช่องทางการขายและการทำการตลาดผ่านทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการได้จากหลากหลายช่องทาง หรือ Omni Channel จะกลายเป็นสิ่งจำเป็น
นอกจากนี้… เทคโนโลยีที่ช่วยลดการสัมผัส หรือ Contactless เช่น หุ่นยนต์จัดส่งอาหาร Digital Menus และ Mobile Payment จะกลายมาเป็นมาตรฐานใหม่ที่ทุกร้านอาหารจำเป็นต้องมี เพื่อลดโอกาสการสัมผัสเชื้อ และ เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้บริโภคที่จะเข้ามาใช้บริการในร้านอาหาร
ตามนั้นครับ… โดยเฉพาะสองพารากราฟสุดท้าย!
References…