Growth Hacking เป็นชื่อเรียกกระบวนการในการสร้างการเติบโต คนแรกที่พูดถึงและใช้คำๆ นี้คือ Sean Ellis… Sean Ellis เป็นทั้งผู้ประกอบการ หรือ Entrepreneur เป็น Angel investor และยังเป็น Startup Advisor ระดับแถวหน้าใน Silicon Valley
Sean Ellis มีเชื่อเสียงโด่งดังมาจากแผลกลยุทธ์การตลาดที่ทำให้ Startup แพล็ตฟอร์ม Software As A Service ชื่อ LogMeIn เติบโตจนได้เสนอขายหุ้นในตลาดหุ้นที่ภาษา Startup เรียกว่าการ Exit ได้อย่างสวยงามในฐานะ Head of Marketing ของ LogMeIn… นอกจากนั้นเขายังสร้างชื่อจากการทำ Growth Hacking ให้กับ Qualaroo และ Dropbox ด้วย… นอกจากนั้น Sean Ellis ยังเป็นที่ปรึกษาให้ทั้งกองทุน Angel Fund รายใหญ่ใน Silicon Valley อีกหลายแห่ง

Sean Ellis ให้นิยามคำว่า Growth Hacking ว่าเป็นวิทยาศาสตร์การตลาด หรือ Scientific Marketing เพราะ Growth Hacking คือกระบวนการ สังเกต ทดลอง และเรียนรู้ จากการสร้างสมมติฐาน เพื่อผลลัพธ์ที่สามารถทำนายอนาคตได้อย่างแม่นยำ และสามารถทำซ้ำได้… ตรงนี้เองที่ทำให้รูปแบบการ Implementation หรือการดำเนินการในกรอบ Growth Hacking มีความเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดสูงมาก
ว่ากันว่า… เหล่า Startup ชื่อดังที่รู้จักกันดีในปัจจุบันอย่าง Twitter, Facebook, Dropbox, Pinterest, YouTube, Groupon, Udemy, Instagram และ Google ต่างเติบโตจากการทำ Growth Hacking กันมาทั้งสิ้น… และยังคงใช้ Growth Hacking กับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ปล่อยออกสู่ตลาดอยู่ในปัจจุบัน
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ แนวคิด Growth Hacking ที่เหมือนยาโด๊ปกระตุ้นให้เข้าใกล้เป้าหมายทางธุรกิจอย่างรวดเร็วนี้… ควรใช้กับใครหรือธุรกิจแบบไหนเมื่อไหร่?
สำหรับภาคธุรกิจผมมองว่า… Growth Hacking ออกแบบมาเพื่อ Startup โดยตรงอยู่แล้ว… โดย Satrtup ที่สร้าง Products หรือ Services รวมทั้งผ่านขั้นตอนการทำ Prototype Testing หรือการทดสอบต้นแบบจนเชื่อได้ว่าเจอ Product Market Fit ที่มีลูกค้าและตลาดชัดเจนแล้ว ข้อควรระวังก็แค่… ก่อนทำ Growth Hacking ต้องเตรียมการหลายอย่างเพื่อไม่ให้แคมเปญเรียกแขกครั้งใหญ่ กลายเป็นโศกนาฏกรรมแบบเวบล่มหรือแม้แต่ของไม่พอขาย รวมทั้งกรณีมีคนผิดหวังมากมายจนตอนจบกลายเป็นดราม่า และนำไปสู่ความล้มเหลวเพราะความไม่พร้อมเอง
การทำ Growth Hacking ก็เพื่อให้โตเร็วและโตแรง ที่ต้องการทักษะและทีมที่มีประสิทธิภาพ… ซึ่งมิติของทักษะและขนาดของทีมในวงการ Startup ที่ก่อตั้งใหม่ๆ มักจะอ่อนแอและมีจุดเปราะบางเต็มไปหมด… การบ่มเพาะและหาที่ปรึกษาให้ Startup จึงจำเป็นอย่างมากในแทบจะทุกช่วงอายุขัยก่อนถึงจุดที่เรียกว่า Exit ซึ่งส่วนใหญ่หมายถึงการทำ IPO หรือหานักลงทุนมาซื้อกิจการไป
ส่วนกรณีขององค์กรธุรกิจทั่วไปที่ทำธุรกิจมานานและอยากหาทางเพิ่มการเติบโตก้าวกระโดดด้วย Growth Hacking บ้าง… การเล่นเกมส์ทางการตลาดแบบ Startup ที่ต้องสร้างตลาดและหาลูกค้าใหม่จากศูนย์อาจจะไม่จำเป็น… หลายองค์กรธุรกิจหันมาทำ Growth Hacking ด้วยการรีดเอาประสิทธิภาพภายในองค์กรออกมาให้ได้มากที่สุดก่อน… เพราะองค์กรธุรกิจที่อยู่มานานย่อมมีฐานลูกค้าและทีมอยู่แล้วจนอยู่มาได้… ดังนั้นการรีดเอาประสิทธิภาพจากภายในที่ท้ายที่สุด… หมายถึงการปรับและเปลี่ยนแปลงหลายอย่างให้ผลลัพธ์สุดท้าย วัดได้ทั้ง AARRR Metrics และกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น
กรณีศึกษาเรื่อง Growth Hacking ในองค์กรธุรกิจเดิมมักจะเข้าไปจัดการขบวนการการตัดสินใจให้สั้นลง… อะไรที่ต้องประชุมยืดเยื้อก่อนตัดสินใจ… ต้อง Hack เข้าหาวิธีการที่จะตัดสินใจให้ได้ในการประชุมคราวเดียว… หรือดีกว่านั้นคือไม่ต้องประชุมเลยแต่มีคู่มือการตัดสินใจที่ชัดเจนให้ดำเนินการได้โดยไม่ต้องนัดประชุมให้สิ้นเปลือง… ที่หมายถึงวัฒนธรรมองค์กรใหม่ที่เน้นการกระจายอำนาจการตัดสินใจมากกว่าจะรวมศูนย์หรือเลวร้ายกว่าที่ต้องตัดสินใจเป็นลำดับชั้น แถมสั่งงานเป็นลำดับชั้นอีกต่างหาก… แล้วเอาเวลาไปสร้างมูลค่าเพิ่มทางอื่น… อีกทางหนึ่งคือการสนับสนุนคนเก่งและมีวิสัยทัศน์ ให้รับผิดชอบการเติบโต ซึ่งหาได้จากสมาชิกทีมที่เรียนรู้และใฝ่รู้ตลอดเวลา กล้าทดลอง กล้าล้มเหลว กล้านำสิ่งใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุนทีมและองค์กร… รวมทั้งลดบทบาทคนในองค์กรที่ใช้สูตรเดิมๆ และวิธีเดิมๆ กับงานเดิมๆ แบบรูทีนที่ไม่พัฒนาด้วย
เพราะ Growth Hacking คือการสร้างการเปลี่ยนแปลงจนนำไปสู่การเติบโต… ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนไป ผลลัพธ์ก็คงเปลี่ยนไปไม่ได้
สุดท้าย… บทความทั้ง 3 ตอนเรื่อง Growth Hacking ยังถือเป็นเพียงการนำเสนอข้อมูลระดับแนวคิดทั่วไปเท่านั้นเองครับ… การ Implement Growth Hacking ต้องวิเคราะห์ Funnel เพื่อสร้าง Process ที่แม่นยำก่อน รวมทั้งการเลือกใช้เครื่องมือที่ถูกต้อง ซึ่งจำเป็นต้องเรียนรู้เครื่องมือต่างๆ ด้วย… หลายองค์กรส่งคนไปอบรมการใช้เครื่องมือและขบวนการ Growth Hacking เพื่อกลับมาวางแผนกันจริงจัง และบางองค์กรมีการส่งทีมบริหารระดับ C ที่ชื่อตำแหน่งขึ้นต้นด้วย Chief ไปเรียนรู้กันโดยตรงก็มี
แต่สำหรับองค์กรที่ไม่ได้จริงจังมากมาย… การนำแนวคิดเรื่องหาทางลัดตัดตรงไปใช้จนเกิดการเปลี่ยนแปลง ก็ย่อมได้ผลลัพทธ์เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน
ส่วนท่านที่อยาก Hack ชีวิตตัวเอง… แม้จะใช้หลักคิดทำนองนี้ได้ แต่เครื่องมือและขบวนการคงต่างออกไปพอสมควร… โอกาสหน้าผมอาจจะเอามานำเสนอบ้างหากหลายๆ ท่านสนใจ