ในทางชีววิทยา… นักวิทยาศาสตร์หลายสาขา ได้อธิบายความสัมพันธ์ของสมองและระบบทางเดินอาหาร หรือ สมองกับกึ๋น หรือ Brain-Gut Connection ซึ่งพบการสื่อสารเชื่อมโยงกันอย่างชัดเจนที่เรียกว่า Brain-Gut Axis ซึ่งมีการสื่อสารและทำงานร่วมกันระหว่างระบบประสาทและฮอร์โมน เพื่อนำคำสั่งจากสมองมายังทางเดินอาหาร… โดยในทางเดินอาหารเอง ยังมีระบบประสาทภายในของตัวเองเรียกว่า Enteric Nervous System หรือ ENS ซึ่งควบคุมการทำงานของระบบทางเดินอาหาร เป็นอิสระจากการสั่งงานโดยสมองอย่างชัดเจน… ถึงแม้ว่า Gut จะสื่อสารกับ Brain แบบ Bidirectional Communications หรือสื่อสารสองทางอยู่… แต่ก็เป็นการสื่อสารเชิงข้อมูลแบบ “แจ้งทราบ” มากกว่าจะสั่งการกัน
ปกติถ้ามีใครพูดถึง Brain-Gut Axis ถ้าไม่ออกท่าเข้มข้นมาแบบชีววิทยาเนื้อๆ ก็มักจะพูดถึง Probiotics หรือสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ในระบบทางเดินอาหารเพื่อโปรโมทผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมากกว่า
แต่หัวข้อวันนี้เป็น Gut Feeling ซึ่งสัมพันธ์กับการตัดสินใจหลายอย่างที่มนุษย์ส่วนใหญ่ ทำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆ แบบเทเงินพันสองพันล้านไล่เก็บหุ้นที่กำลังแดงทั้งกระดาน โดยใช้เพียงกึ๋น หรือ Gut หรือ Gut Feeling มากกว่า…
งานค้นคว้าตีพิมพ์เรื่อง Head, Heart, and Gut in Decision Making: Development of a Multiple Brain Preference Questionnaire โดย Grant Soosalu และคณะ ซึ่งได้รีวิววรรณกรรมที่เกี่ยวข้องมากมาย จนพบนัยยะของการตัดสินใจ และ กลไกการตัดสินใจ… อันมีธรรมชาติที่ต้องใช้มากกว่า “ความรู้ กับ ความเข้าใจ” ซึ่งในทุกๆ การตัดสินใจของทุกคนนั้น ยังมี “อารมณ์ และ สัญชาตญาณ” อยู่ร่วมการตัดสินใจด้วยเสมอ… นั่นทำให้ข้อเท็จจริงที่ว่า การตัดสินใจเกิดขึ้นโดยมีการวิเคราะห์บนความรู้ความเข้าใจของสมอง ร่วมกับอารมณ์ความรู้สึกจากใจ แล้วยังต้องใช้สัญชาตญาณจากกึ๋นร่วมตัดสินด้วยเสมอ
ประเด็นก็คือ… อะไรที่เคยผ่านการตัดสินใจไปแล้ว ก็จะกลายเป็นประสบการณ์ หรือ กลายเป็น Systems 1 ตามแนวคิด หรือ ทฤษฎีการตัดสินใจแบบสองขั้นตอน หรือ Dual Processing Theory ซึ่งอธิบายกลไกการตัดสินใจที่มีอยู่ 2 ระบบหลัก คือ Intuitive หรือ System 1 หรือ กลไกตอบสนองอย่างเร็ว… กับ Analytical หรือ System 2 หรือ กลไกวิเคราะห์ไตร่ตรอง
ใน System 2 ชัดเจนว่าเป็นเรื่องของข้อมูลความรู้และสติปัญญา ซึ่งมีเพียงสมองที่ทำงานแบบนั้นได้… แต่ธรรมชาติของสมองเองที่สื่อสารกับระบบอื่นๆ ในร่างกายตลอดเวลา โดยเฉพาะการสื่อสารบน Brain-Gut Axis ซึ่งมีกลไกสัญชาตญาณ ที่รวบรวมประสบการณ์เอาไว้ในแบบที่เรียกใช้ได้ง่ายและเร็ว… โดยหลักๆ ก็จะมีอยู่ 4 รูปแบบคือ
1. Body / Physical Intuition หรือ สัญชาตญาณทางกาย… กลไกระดับสัญชาตญาณรูปแบบนี้ มักจะปรากฏเป็นเหมือนพรสวรรค์ หรือ ลางสังหรณ์ หรือ ความหวาดระแวง ที่ให้ข้อมูลสนับสนุนหรือขัดแย้งการตัดสินใจของ System 2
2. Sensual / Emotional Intuition หรือ สัญชาตญาณทางอารมณ์… สัญชาตญาณรูปแบบนี้จะมาจากอารมณ์ความรู้สึกประเภท ขึ้นลงไหวอ่อนไปตามอารมณ์โดยไม่ต้องหยุดคิด… รวมทั้งความสับสนกระวนกระวายแบบไม่ทราบสาเหตุชัดเจนทั้งหลายที่เรียกว่า “ใจคอไม่ดี” อะไรประมาณนั้น
3. Intellectual Intuition หรือ สัญชาตญาณโดยเชาว์ปัญญา… โดยกลไกสัญชาตญาณรูปแบบนี้จะมาจากความรู้และประสบการณ์ที่ตกผลึกระดับเชี่ยวชาญที่สะสมมายาวนาม ระดับผ่านหูหรือปลายตาเห็นก็บอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไปจนถึงขั้นสังหรณ์และนิมิต หรือ Premonition โน่นเลย
4. Social Intuition หรือ สัญชาตญาณจากประสบการณ์ทางสังคม… เป็นสัญชาตญาณที่มาจากความเชื่อ หรือ ประสบการณ์ตรงที่จดจำและเข้าใจผ่านสังคมสิ่งแวดล้อม เหมือนเคยถูกโกงจากคนถิ่นนี้มาก่อน ก็ไม่ชอบและไม่เสวนากับคนถิ่นนี้ หรือเซ็งคนใส่เครื่องแบบชุดนี้มาตั้งด่าน ก็สามารถเกลียดเหมาหมดทุกคนที่ใส่ชุดนี้เป็นต้น
ประเด็นเป็นแบบนี้ครับ… คำว่า Gut Feeling ในการตัดสินใจนั้น แท้จริงแล้วไม่ได้หมายถึงกลไกการตัดสินใจจากกะเพาะอาหารหรือลำไส้แต่อย่างใด… แต่ Gut Feeling ในกลไกการตัดสินใจ “จะมีรูปแบบการป้อนข้อมูลโดยสัญชาตญาณ” แบบเดียวกับกลไกทางประสาทของระบบทางเดินอาหาร หรือ Gut เท่านั้นเอง
ซึ่งต้องฟัง! แต่ต้องฟังอย่างระมัดระวัง… เพราะ Gut Feeling ในมุมมองเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจนี้ ถือเป็น “ข้อมูลเดิม และ ประสบการณ์เก่า” ที่มีอยู่เดิมและแสดงปฏิกิริยาออกมา โดยอาจจะถูกต้อง หรือถูกเพียงบางส่วน หรือผิดหมดเลยในช่วงเวลานี้ก็ได้
แต่การใช้ข้อมูลปัจจุบัน หรือ ข้อมูลใหม่ หรือ ข้อมูลที่วิเคราะห์ขึ้นใหม่ในการตัดสินใจ… ก็ต้องใช้อย่างระมัดระวังเช่นกันครับ!
References…