Learning Contracts หรือ พันธการเรียนรู้ หรือ สัญญาการเรียนอันส่งเสริมให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในข้อตกลงเบื้องต้นก่อนเรียน เพื่อกระตุ้น Self-directed Learning.. ซึ่งผมพบวิธีการใช้ในประเทศไทยหลายกรณีที่อ้าง Learning Contracts เพื่อใช้ Keyword คำนี้ไปเป็น “กรอบในการบังคับวินัย” การเข้าชั้นเรียน การตรงต่อเวลา และกฏเหล็กอีกร้อยแปดเงื่อนไขเพื่อบังคับผู้เรียน ที่น่าตกใจคือ… เป็นวิธีของครูอาจารย์ในระดับการศึกษาปริญญาตรี แถมยังอุตส่าห์มีการวิจัยในชั้นเรียนมาอวดอีกต่างหากว่า Learning Contracts ระดับสัญญาทาสได้ผลดีกับผู้เรียน… ทำให้นึกถึงมีดทำครัวในมือขี้ยาสติหลุด ใช้มีดจี้คอเด็กนักเรียน แทนที่จะสอนนักเรียนใช้มีดทำกับข้าว
ท่านกำลังอ่านบทความชุด… ทฤษฎีการศึกษาผู้ใหญ่ ซึ่งเรียบเรียงขึ้นเผยแพร่เป็นชุดความรู้แบบหลายตอน อ้างอิงหนังสือชื่อ The Adult Learner: The definitive classic in adult education and human resource development ของ Malcolm S. Knowles และคณะ… และตอนนี้เป็นประเด็น แนวทางการนำใช้ทฤษฎีการศึกษาผู้ใหญ่ ในแนวทางที่ 3… Learning Contracts และตอนนี้เป็นตอนต่อจาก Learning Contracts… พันธสัญญาเพื่อการเรียนรู้ ครับ
ในหนังสือ The Adult Learner ได้วางแนวทางการใช้ Learning Contracts ผ่านขั้นตอนในการสร้างพันธการเรียนรู้ไว้ 7 ขั้นครับ
Step 1: Diagnose Your Learning Needs หรือ ประเมินความต้องการเรียนรู้ของตัวเอง
Learning Needs หรือ ความต้องการเรียนรู้ คือช่องว่างระหว่างเราคนปัจจุบัน กับ เราที่มีความรู้และทักษะที่ยังไม่มีในปัจจุบัน… หลายกรณีจะพบ Learning Needs จากหน้าที่การงานที่บกพร่องผิดพลาดเพราะไม่รู้… หลายครั้งมาจากความต้องการ หรือ Needs อื่นๆ เช่น อยากมีอาชีพที่ต้องการ อยากมีรายได้เท่าที่ต้องการ หรืออยากมีสถานะทางสังคมแบบที่ต้องการ
การค้นหา Needs เป็นเรื่องละเอียดอ่อน แม้จะฟังดูไม่ซับซ้อนและสำคัญอะไร เพราะ Needs มักจะวนเวียนอยู่กับคนทุกคน เพียงแต่ส่วนใหญ่เป็น Needs ที่เจ้าตัวไม่โยงเข้ากับการเรียนรู้ เพราะเป็นเส้นทางอ้อมจากประสบการณ์แย่ๆ ในโรงเรียนสมัยเด็ก… คนขับแท็กซี่อยากรวยด้วยการซื้อล๊อตเตอรี่ มากกว่าจะคิดไปเรียนอะไรซักอย่างที่เปลี่ยนอาชีพขับแท็กซี่ของเขาในอีกสี่ห้าปีข้างหน้า… ด้วยความเคารพท่านที่ขับแท็กซี่เป็นอาชีพครับ… ผมยกอาชีพแท็กซี่เป็นตัวอย่างเพียงเพื่อชี้ให้ทุกท่านเห็น Needs ที่เกิดขึ้นเป้าหมายเดียวคือมีรายได้ก้อนใหญ่พอที่ชีวิตจะรู้สึกมั่นคง และมองหา “จุดเปลี่ยน” ซึ่งโดยธรรมชาติจะมีมากกว่าหนึ่งจุด… ซึ่งพี่แท็กซี่ในตัวอย่าง เลือกล๊อตเตอรี่มาสร้างโอกาสเข้าถึงจุดเปลี่ยน แทนที่จะเลือกอาชีพใหม่ผ่านการเรียนรู้เป็นโอกาสและจุดเปลี่ยน
เมื่อกลับมามอง “การค้นหาจุดเปลี่ยน” ซึ่งเป็นเครื่องหมายบอกทางไปเจอ Needs ของคนทุกคน… และประกอบเข้ากับทฤษฎีการเรียนรู้และการศึกษาผู้ใหญ่… ประเด็นจึงชัดเจนว่าต้องเปิดทางให้ Needs ของผู้เรียนเป็นจุดเริ่มต้นของ Learning Contracts ที่จะเกิดในลำดับต่อไป… ความต้องการ หรือ Needs ของฝั่งผู้สอนไม่เกี่ยวข้องใดๆ โดยเฉพาะ “ความต้องการอยากจะคุมนั่นนี่กับผู้เรียน”
งานในขั้นตอนนี้จึงต้องกำหนดจุดเริ่มต้นคือสถานะปัจจุบัน เช่น ขับแท็กซี่อยู่… กับจุดหมายในอนาคตเช่นอยากเป็นตำรวจ… ซึ่งในท้ายที่สุดจะพบว่า การไปสมัครเรียนกฏหมายที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง และ สอบเป็นตำรวจเมื่อจบการศึกษา สามารถ “สร้างจุดเปลี่ยนสำคัญ” ตามต้องการได้
Step 2: Specify Your Learning Objectives หรือ ระบุวัตถุประสงค์การเรียน
ตัวอย่าง Learning Contract
ขั้นที่สองนี้เราจะเริ่มใส่รายละเอียดของพันธการเรียน โดยพัฒนาโครงสร้างแบบฟอร์มสำหรับให้ข้อมูลเกี่ยวกับ Learning Contract ที่จำเป็นต้องรับรู้ร่วมกัน… และเริ่มต้นที่ช่อง Learning Objectives หรือกำหนดวัตถุประสงค์การเรียนกันก่อน… อยากเรียนอะไร หรือเรียนไปทำอะไรก็ใส่รายละเอียดในช่องนี้
Step 3: Specify Learning Resources and Strategies หรือ ระบุทรัพยากรและกลยุทธ์
ขั้นที่สามก็มาถึงช่อง Learning Resources and Strategies อ้างอิงแบบฟอร์ม “ตัวอย่าง Learning Contract จากขั้นตอนที่สอง…” ซึ่งต้องระบุรายละเอียดเกี่ยวกับทรัพยากรการศึกษา เช่น คน เครื่องมือ คู่มือ ข้อมูล แหล่งหรือสถานที่ เป็นต้น นอกจากนั้นยังกำหนดวิธีได้มาซึ่งทรัพยากรที่จะช่วยให้วัตถุประสงค์ในขั้นที่สอง รวมทั้งเทคนิควิธีการใช้ทรัพยากรเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์การเรียนไว้ด้วย
Step 4: Specify Evidence of Accomplishment หรือ กำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จอันชัดเจน
ขั้นนี้ต้องกำหนดตัวชี้วัดที่เห็นชัดเจนลงในช่อง Evidence of accomplishment of objectives ให้ครบทุกวัตถุประสงค์ ตามแบบฟอร์ม “ตัวอย่าง Learning Contract” จากขั้นตอนที่สอง…
Step 5: Specify How The Evidence Will Be Validated หรือ กำหนดเกณฑ์ให้ตัวชี้วัด
ขั้นนี้ยังคงเป็นการกำหนดเกณฑ์ให้ตัวชี้วัดที่ระบุในขั้นตอนที่ 4… ว่าผลการเรียนหรือฝึกทักษะขั้นไหน คือมีองค์ความรู้หรือทักษะระดับไหน หรือจะเรียกว่าเป็นขั้นตอนการกำหนดวิธีการให้คะแนนและตัดเกรดก็ไม่ผิด
Step 6: Review Your Contract With Consultants หรือ ตรวจสอบพันธการเรียนกับที่ปรึกษา
ที่ปรึกษาในที่นี้อาจเป็นครูอาจารย์ ผู้ปกครองหรือเพื่อน รวมทั้งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องก็ได้… โดยทั่วไปหากเคร่งครัดแนวทาง Learning Contracts ที่ชัดเจน… รายละเอียดในแบบฟอร์มพันธการเรียนที่ผู้เรียนร่างขึ้น ต้องปรึกษาครูอาจารย์ที่รับผิดชอบโดยตรงอยู่แล้ว เพื่อปรับ Evidence of accomplishment of objectives ในขั้นที่ 4 และ Criteria and means for validating evidence ในขั้นที่ 5… ซึ่งส่วนใหญ่ต้องปรับ Learning Objectives และ Learning Resources and Strategies ตามไปด้วย
Step 7: Carry Out The Contract หรือ นำพันธการเรียนที่ตกลงร่วมกันแล้วไปปฏิบัติ
ซึ่งรายละเอียดที่ “ต้องทำ หรือ นำไปปฏิบัติ…” ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่อง Learning Resources and Strategies โดยมีข้อมูลในช่อง Evidence of accomplishment of objectives และ Criteria and means for validating evidence ช่วยตรวจสอบว่าเรียนถึงไหน ตอบวัตถุประสงค์ข้อใดไปแล้วบ้าง
Step 8: Evaluate Your Learning หรือ ประเมินผลการเรียน
การประเมินผลลัพธ์ที่ปฏิบัติทุกขั้นตอนอ้างอิงข้อเท็จจริง โดยยึดวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในช่อง Learning Objectives เป็นสำคัญ และ ต้องอ้างอิงกลับไปที่ Learning Needs ด้วย
ประเด็นก็คือ… แนวคิดของ Learning Contracts นั้นดูเหมือนง่าย ซึ่งความจริง Learning Contracts นั้นเรียบง่ายจริง แต่ประสิทธิภาพตามบริบทและรายละเอียดของ Learning Contracts มีคุณค่าที่สำคัญอยู่ในกระบวนวิธี หรือ Method “การให้เกียรติ” โดยเฉพาะการให้เกียรติขั้นตอนในการสร้างพันธการเรียนรู้ ซึ่งการข้ามขั้นตอนอาจส่งผลให้เกิดการสื่อสารผิดพลาด… และความผิดหวัง!
