สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีรายงานสถานการณ์ขยะปนเปื้อนเชื้อจากสถานพยาบาลทั่วประเทศว่า… แนวโน้มการเกิดมูลฝอยติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกปีนับตั้งแต่มีการเก็บสถิติตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2556-2559 โดย สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม… โดยคาดการเพิ่มเติมว่า ในปี พ.ศ. 2560 มีการคาดการณ์ปริมาณการเกิดมูลฝอยติดเชื้อ รวมทั้งสิ้น 57,954.0 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนราว 2308 ตัน จากปริมาณมูลฝอยติดเชื้อปี พ.ศ. 2559 ที่ 55,646.2 ตัน
อ้างอิงข้อมูลกรมควบคุมมลพิษ พ.ศ. 2561
มูลฝอยติดเชื้อเกิดจากโรงพยาบาลรัฐ 10,856 แห่ง โรงพยาบาลเอกชน 357 แห่ง คลินิกเอกชน 11,930 แห่ง สถานพยาบาลสัตว์ 2,522 แห่ง และห้องปฏิบัติการเชื้ออันตราย 1,198 แห่ง รวม 26,863 แห่ง ซึ่งการจัดการมูลฝอยติดเชื้อสามารถดำเนินการได้ทั้งการจ้างบริษัทเอกชนดำเนินการ ให้ราชการส่วนท้องถิ่นดำเนินการ และสถานพยาบาลกำจัดเอง ณ แหล่งกำเนิด โดยสามารถกำจัดได้ 51,300 ตัน คิดเป็น ร้อยละ 88.52 ทั้งนี้ วิธีการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อที่ใช้กันในปัจจุบันมากที่สุดคือ การเผา
และสรุปว่า… แนวโน้มขยะปนเปื้อนติดเชื้อสูงขึ้น แต่กำจัดได้ไม่หมด และข้อมูล Update สุดคือย้อนหลังกลับไปสามปีที่แล้ว และไม่มีอะไรมากกว่านี้… และผมขอข้ามที่จะพูดถึงข้อมูลชุดนี้ไปเลย โดยไม่พูดถึงอีก… แค่ยกตัวเลขเป็นทางการจากทางราชการมาให้ทุกท่านเห็น… เท่านั้น
ประเด็นคือ… ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องรู้ดีว่า ขยะปนเปื้อนจากโรงพยาบาล ศูนย์บริการสาธารณสุข สถานีอนามัย คลินิก ทั้งที่เป็นของรัฐและเอกชนจำนวนมากกว่า 26,863 แห่งทั่วประเทศ… ผลิตของเสียทั้งที่เป็นมูลฝอยทั่วไปและมูลฝอยติดเชื้อในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก มูลฝอยจากสถานพยาบาลเหล่านี้จัดเป็นของเสียอันตราย เนื่องจากมีทั้งมูลฝอยติดเชื้อที่สามารถแพร่เชื้อโรค และยังมีของเสียที่ปนเปื้อนสารกัมมันตรังสี ยาเสื่อมสภาพ สารเคมีอันตราย ของมีคม ซากสัตว์ทดลองและอื่นๆ อีกมาก… โดยที่สถานพยาบาลส่วนใหญ่ยังไม่มีการจัดการเก็บรวบรวมและกำจัดอย่างเหมาะสม… โดยเฉพาะ มูลฝอยติดเชื้อจากสถานพยาบาลส่วนหนึ่ง ถูกทิ้งออกสู่สิ่งแวดล้อมปะปนร่วมกับมูลฝอยชุมชนอีกด้วย
การดำเนินการจัดการมูลฝอยติดเชื้อในกรุงเทพมหานครส่วนใหญ่ สถานพยาบาลจะใช้บริการเก็บขนของกรุงเทพมหานคร ยกเว้นสถานพยาบาลบางแห่งที่มีเตาเผาและดำเนินการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อด้วยตนเอง กรุงเทพมหานครได้ดำเนินการเก็บขนมูลฝอยติดเชื้อแยกจากมูลฝอยทั่วไป โดยได้จัดให้มีรถยนต์แบบพิเศษสำหรับเก็บขนมูลฝอยติดเชื้อจากสถานพยาบาลต่างๆ เพื่อนำไปกำจัดทำลายโดยการเผาในเตาเผามูลฝอยติดเชื้อที่โรงงานกำจัดมูลฝอยอ่อนนุช รถยนต์เก็บขนมูลฝอยติดเชื้อเป็นรถที่มีตู้บรรทุกซึ่งสามารถปรับอุณหภูมิได้ประมาณ 10 องศาเชลเซียส…ในปี พ.ศ. 2551 กรุงเทพมหานครได้ว่าจ้างเอกชนเข้ามาลงทุนและดำเนินการให้บริการเก็บขนมูลฝอยติดเชื้อสามารถให้บริการเก็บขนมูลฝอยจากสถานพยาบาล และขยายการให้บริการแก่สถานพยาบาลขนาดเล็กและคลีนิคได้ครอบคลุมมากขึ้น
ส่วนการจัดการมูลฝอยติดเชื้อของสถานพยาบาลในส่วนภูมิภาค ส่วนใหญ่ให้เทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็นผู้เข้ามาดำเนินการเก็บและนำไปกำจัดร่วมกับขยะมูลฝอยชุมชน ที่สถานกำจัดของเทศบาลหรือองค์การบริการส่วนจังหวัด… ยกเว้นสถานพยาบาลของรัฐสังกัดกระทรวงสาธารณสุขประมาณ ที่มีเตาเผาประจำสถานพยาบาล… แต่เตาเผาส่วนใหญ่มีศักยภาพในการเผามูลฝอยติดเชื้อน้อยกว่า 200 กิโลกรับต่อชั่วโมง ซึ่งตัวเลขที่ชัดเจนเกี่ยวกับขยะมูลฝอยติดเชื้อและปนเปื้อนเหล่านี้ ไม่มีตัวเลขและหลักฐานที่สืบค้นได้ชัดเจนทั้งปริมาณขยะ จำนวนเตาเผาและความสามารถในการจัดการ
ความน่ากังวลก็คือ… ขยะจากสถานพยาบาลเหล่านี้ ยังมีหลายส่วนที่เชื่อได้ว่า… ปนอยู่กับขยะมูลฝอยจากชุมชนที่ตกค้างตามบ่อขยะทั่วประเทศ…
ผมคิดว่า… แค่คิดก็น่าขนลุกได้ไม่น้อยแล้วในวันที่ความสะอาดเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้!!!… แต่ที่น่าขนลุกกว่าคือข้อมูลที่เผยแพร่ออกมา ดูไม่น่าเชื่อถือและมีประเด็นน่าสงสัยมากมาย ที่ข้อมูลจากหลายแหล่ง ไม่มีตัวเลขตรงกันหรือใกล้เคียงเลยก็มี
ข้อมูลจาก WHO หรือ World Health Organization ระบุว่า… ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับขยะจากสถานพยาบาลพอสรุปได้ว่า
- ปริมาณขยะทั้งหมดที่เกิดจากกิจกรรมด้านสาธารณสุขประมาณ 85% เป็นขยะทั่วไปและไม่อันตราย
- ส่วนที่เหลืออีก 15% ถือเป็นวัสดุอันตรายที่อาจติดเชื้อเป็นพิษหรือมีกัมมันตภาพรังสี
- ทุกๆ ปีมีการฉีดยาประมาณ 16 พันล้านครั้งทั่วโลก แต่ยาและเข็มฉีดยาทั้งหมดไม่ได้ถูกกำจัดอย่างเหมาะสมหลังจากนั้น
- การเผาแบบเปิดและเผาของเสียจากระบบสาธารณสุข สามารถทำให้เกิดการปล่อยไดออกซิน, ฟูแรน, และฝุ่นขนาดต่างๆ
บทสรุปและข้อมูลไม่ได้วังเวงแค่ระดับจังหวัดหรือระดับชาติหรอกครับ… ระดับโลกอย่าง WHO ก็วังเวงไม่ต่างกัน…
#FridaysForFuture ครับ!
อ้างอิง