ความล้มเหลว… ความรู้สึกไม่สมหวังในความหวังและเป้าหมาย ซึ่งหลอกหลอนจิตใจและทัศนคติคนที่รู้สึกล้มเหลว จนบ่อยครั้ง… ร่องรอยความยับเยินจากภาวะล้มเหลวอุบัติในชีวิต ทิ้งเรื่องราวเล่าขานไว้มากมาย
ความล้มเหลว… มีขั้วตรงข้ามเรียกว่าความสำเร็จ ซึ่งโดยข้อเท็จจริงแล้ว… ทั้งล้มเหลวและสำเร็จ อยู่ห่างกันไม่ต่างจากเหรียญคนละด้านเท่านั้นเอง… นั่นหมายความว่า ทั้งล้มเหลวและสำเร็จมีรากและลำต้นเดียวกัน เหมือนเหรียญเดียวกันมีสองด้าน… หรือไม่ก็มะพร้าวต้นที่ออกลูกไปแล้ว กับต้นที่ยังไม่ออกลูกเท่านั้นเอง
เหมือนเรื่องราวของ Jerry Maguire… Sports Agent หรือ เอเจนท์นักกีฬาชื่อดัง ผู้มีวาทศิลป์เป็นเลิศ ถึงขั้นปากเป็นเอกจนสร้างให้ Jerry มีทุกอย่างในชีวิต… Jerry มีงานในบริษัทเอเจนซี่นักกีฬาชื่อดังอย่าง SMI หรือ Sports Management International ซึ่งมอบนักกีฬาให้ Jerry ดูแลมากถึง 72 คน… รายได้จากส่วนแบ่งค่าตัวนักกีฬา ทั้งลงสนาม ขึ้นจอโฆษณาและ งาน Event มากมาย ที่นักกีฬาคนดังมักจะดึงดูดเงินทองชื่อเสียง… ให้ทั้งตัวนักกีฬาเองและคนอยู่เบื้องหลังอย่าง Sports Agent ด้วย… โดยเฉพาะช่วงรุ่งโรจน์ ที่น้อยคนนักจะคิดว่า วันตกต่ำไร้ค่าก็เกิดกับคนที่กำลังรุ่งโรจน์ เหมือนเหรียญพลิกกลับข้างจากรุ่งโรจน์เป็นรุ่งริ่ง ได้ในชั่วพริบตา
เหรียญของ Jerry พลิกกลับข้างในวันที่… ลูกชายของนักกีฬาที่ได้รับบาดเจ็บจนแทบจำอะไรไม่ได้ มาขอร้อง Jerry ให้ช่วยพูดกับพ่อให้หยุดเล่นกีฬาเสี่ยงตายนั่น… แต่ Jerry แสดงท่าทีไม่ใส่ใจอย่างน่ารังเกียจ จนแม้แต่เด็กก็รับไม่ไหว และหยาบคายกับ Jerry คนเห็นแก่ได้กลับบ้าง กิริยาของเด็กคนนั้น กระตุกความเห็นแก่ตัว ความยโสโอหัง และขาดสามัญสำนึกที่ดีของ Jerry… ให้อยากทำอะไรที่ถูกต้อง
Jerry Maguire จึงร่างเอกสารชื่อ Mission Statement เพื่อเผยแพร่แนวทางการเป็น Sports Agent ที่ “ใส่ใจ” ลูกค้าคนสำคัญ ซึ่งก็คือนักกีฬาทุกคนในบริษัท… เอกสารของ Jerry ที่คั้นออกมาจากมันสมองอันปราชญ์เปรื่อง ภายใต้สามัญสำนึกอันดีงามถูกแจกจ่ายไปทั่วบริษัท เนื้อความพูดถึงประเด็นน่าละอายหลายอย่างที่บริษัท และ Sports Agent ทำกับลูกค้ายามรุ่งโรจน์และยามหมดประโยชน์… ทุกคนที่ได้อ่าน Mission Statement ของ Jerry ล้วนเห็นด้วยกับ “สิ่งที่ได้แต่คิด แต่ไม่กล้าพูด” ที่ Jerry จู่โจมเพื่อเปลี่ยนแปลง… โดยเฉพาะข้อเสนอให้ลดจำนวนนักกีฬาที่ดูแลรับผิดชอบให้น้อยลง แม้รายได้จะน้อยลง แต่ก็จะมีเวลาใส่ใจได้มากขึ้น
ผลของการทำเรื่องที่เจ้าตัวเชื่อว่าดีงาม… โดยลืมไปว่า การเอาตัวเองไปตัดสิน “ดีกับไม่ดี” เพราะหลงว่าตนสำคัญนั้น หมายถึงการชี้นิ้วใส่คนอื่นๆ ที่ยังเชื่อและอยู่กับ “ไม่ดี” ที่คนอวดฉลาด… ผลักคนทั้งหมดไปอยู่ตรงข้ามตัวเอง ซึ่งกรณีของ Jerry หมายถึงผู้บริหารและเพื่อนร่วมงานใน SMI ทั้งหมด
Jerry จึงตกงานและถูกแย่งตัวนักกีฬาในสังกัดไปหมด… เหลือก็แต่ นักอเมริกันฟุตบอลผิวสี แถมตัวเล็ก ขี้โวยวาย และโหยหาชื่อเสียง เกียรติยศ และเงินทอง ซึ่งเรียกร้องเอากับ Sports Agent อย่าง Jerry Maguire…
โชคอย่างเดียวที่ Jerry เหลืออยู่… คงจะเป็น Dorothy Boyd แม่เลี้ยงเดี่ยววัย 26 ที่ออกจากงานเพราะหัวใจเรียกร้อง และเชื่อมั่นในข้อความที่ Jerry เขียนลงเอกสา… เธอจึงยินดีตาม Jerry มาตั้งบริษัทเล็กๆ ที่มีลูกค้าเจ้าปัญหาอยู่คนเดียวอย่าง Rod Tidwell
ผมกำลังเล่าถึงเนื้อเรื่องในหนัง Jerry Maguire ที่ออกฉายช่วงปลายปี 1996 และเข้าชิงรางวัลออสการ์มากถึง 5 รางวัลในปี 1997… และชนะเลิศมาหนึ่งรางวัลคือ Best Supporting Actor จากบท Rod Tidwell ของ Cuba Gooding Jr.
ในขณะที่ Tom Cruise จากบท Jerry Maguire ไปถึงแค่ Nominees… แต่คนดูต่างเทเงินในกระเป๋าจนหนังทำเงินได้มากถึง $273.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากทุนสร้างเพียง $50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ… และหนังเรื่องนี้ยังสร้างนักแสดงหญิงเจ้าบทบาทอย่าง Renée Zellweger จากบท Dorothy Boyd… สาวคนที่ Jerry Maguire บอกได้เต็มปากว่า… You complete me… คุณเติมเต็มผม!
ขอไม่เล่าอะไรเกี่ยวกับหนังต่ออีก… อยากให้ทุกท่านหาเวลาและหาหนังเก่าเรื่องนี้มาดูอีกครั้ง แม้ว่าท่านอาจจะเคยดูมาแล้วก็ตาม… ยิ่งถ้าท่านกำลังเคว้งคว้าง ล้มเหลว ตกต่ำ หรือมืดมนจนทางแค่ไหน… ผมเชื่อว่าหนังเรื่องนี้ มีวิธีพลิกเหรียญด้านที่ใช่ ให้ทุกคนเจอทางไป… คำธรรมดาในหนังอย่าง Help Me, Help You! ที่บางครั้ง… การออกจากปัญหาก็แค่ ทำหน้าที่ของตัวเองในฐานะสมาชิกทีมให้ดีที่สุด ที่ Jerry พูดกับ Rod Tidwell… และประโยคอย่าง Shut up! play the game, play from your heart. ที่ผู้จัดการสั่งนักกีฬาในสังกัดให้หุบปากอย่าพูดมาก อย่าเยอะ แล้วเล่นในสนามจากใจ…
ในขณะเดียวกัน… Rod Tidwell ก็สอน Jerry หลายอย่างเกี่ยวกับความรัก ครอบครัวและการใช้สมองและหัวใจกับคนรอบตัว
อีกประเด็นคือ… หนังเรื่องนี้ยืนยันความเชื่อเรื่อง “ผู้หญิงรักด้วยใจ ผู้ชายรักด้วยสมอง…” และซ่อนสารสำคัญเกี่ยวกับความรัก สามีภรรยาและครอบครัว ผ่านอาชีพที่ปรึกษากิจกรรมกลุ่มหญิงวัยกลางคนที่มีปัญหาชีวิตคู่ ของพี่สาว ที่ Dorothy Boyd กับลูกไปอาศัยอยู่ด้วย… หนังเรื่องนี้จึงออกโทนสตรีนิยม หรือ Feminism สุดๆ เรื่องหนึ่ง
ส่วนที่ดีที่สุดในหนัง Jerry Maguire สำหรับผมก็คือ… คนที่อยู่กับ Jerry ในยามตกต่ำลำบาก ชีวิตแย่ งานห่วย คู่หมั้นทิ้ง เพื่อนเลิกคบและไม่เหลือชื่อเสียงเงินทองให้อวดดีได้อีก
สุขสันต์วันอาทิตย์ครับ!
อ้างอิง