คนใจดี หรือ คนที่มีพื้นฐานจิตใจดี… มักจะเป็นคนที่แสดงพฤติกรรมต่อผู้อื่นอย่างเป็นมิตร ซึ่งอาจจะประกอบด้วยสิ่งที่คนส่วนใหญ่เรียกว่าการช่วยเหลือแบ่งปันด้วยความรัก และหรือ ความเมตตา… โดยในทางเทคนิคจะเป็นคนที่ยินดีสนับสนุนช่วยเหลือทรัพยากรบางอย่างกับผู้อื่น รวมทั้งแรงกายแรงใจ เพื่อให้ปัญหาบางอย่างของผู้อื่นถูกจัดการให้ลุล่วงผ่านพ้นตามเหตุปัจจัย หรือ อาจดีกว่านั้นถึงขั้นสร้างความพึงพอใจอย่างสูงต่อคนที่ได้รับความเอื้อเฟื้อดังว่านั้น
โดยพื้นฐานของคนส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนจิตใจดีต่อคนใกล้ชิดในแบบของตน รวมทั้งเป็นคนจิตใจดีกับคนรู้จักบนสายสัมพันธ์แบบต่างๆ ซึ่งก็มีจำนวนไม่น้อยก็มีพื้นฐานจิตใจดีต่อคนแปลกหน้า บนสายสัมพันธ์ระดับเพื่อนมนุษย์โดยมีเงื่อนไขไม่มาก… ก็สามารถเอื้อเฟื้อแบ่งปันให้คนแปลกหน้าได้
แต่คนส่วนใหญ่ต่างก็ถูกสอน หรือ เคยถูกสอนให้ระมัดระวังท่าทีความเป็นคนจิตใจดี รวมทั้งความเอื้อเฟื้อแบ่งปันกับคนแปลกหน้า… ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงในสังคมมนุษย์ระดับสัจธรรม ที่คนจิตใจดีมักจะถูกละเมิด ถูกเอาเปรียบ และ สูญเสียทรัพยากรที่แม้จะยินดีแบ่งปันทุกกรณีอยู่แล้วนั่นแหละ… ไปกับคน และหรือ โอกาสที่น่าเสียดาย หรือ แม้แต่น่าเจ็บช้ำได้เสมอ
การจะเป็นคนจิตใจดี หรือ การเป็นคนแสดงพฤติกรรมต่อผู้อื่นอย่างเป็นมิตรจึงไม่ง่ายที่จะเป็น ซึ่งหลายคนโชคร้ายถึงขั้นเป็นไม่ได้แม้กับคนใกล้ชิด รวมทั้งคนรู้จักบนสายสัมพันธ์แบบต่างๆ ที่เห็นๆ คุ้นกันอยู่นั่นเอง ที่สร้างการรับรู้ให้จนรู้สึกว่าถูกฉกฉวย ละเมิด และหรือ เอาเปรียบอย่างมีความสุขฝ่ายเดียว โดยไม่ใส่ใจที่จะแสดงพฤติกรรมต่อกันอย่างคนจิตใจดี
ประเด็นก็คือ… คนส่วนใหญ่เชื่อว่าตนเป็นคนจิตใจดี และ เชื่อว่ามีคนมากมายได้รับโอกาส หรือ แม้แต่ทรัพยากรบางอย่างจากความเป็นคนจิตใจดีงามของตน หรือ จากตน รวมถึงแรงกายแรงใจของตน… ซึ่งคนที่เชื่อว่าตนจิตใจดีส่วนหนึ่ง จะมีความคิดและพฤติกรรม “ตำหนิผู้อื่น” เรื่องจิตใจดีตอบคืนตนอยู่ด้วย
การเป็นคนมีทัศนคติขั้นตำหนิความไม่ดีของผู้อื่นได้เสมอ… ย้ำว่าเสมอแบบเกิดได้ตลอดเวลา ซึ่งคนเห็นแต่ความดีในตนเท่านั้น ที่เอื้อเฟื้อสิ่งดีๆ ต่อผู้อื่นอย่างเป็นมิตร และ เชื่อแต่ว่าตนนั้นมีพื้นฐานบุคคลิกของคนมีจิตใจดีงามอย่างยิ่ง โดยไม่ได้รับสิ่งเดียวกันนั้นตอบแทนอย่างเท่าเทียม และ ยังคงขุ่นเคืองทับถมผู้อื่น ให้ขัดแย้งอยู่ในความคิดของตนตลอดเวลา… ถ้าไม่เป็นเพราะชะตากรรมดั้งเดิมของคนๆ นั้น “เกิดมาซวย” แบบเป็นหงส์หลงมาเกิดในฝูงกาจริงๆ แล้ว… บางทีคนๆ นั้นอาจจะต้องหาวิธีใหม่ในการดูแลความสัมพันธ์ให้ “ทัศนคติเรื่องจิตใจดีต่อกัน” ถูกเฉลี่ยด้วยเงื่อนไขที่สมดุลย์ตามข้อเท็จจริงขึ้นอีกหน่อย
ความยากก็คือ… ความพึงพอใจของแต่ละคนต่อสิ่งที่ได้รับ และ ให้ค่าเลยไปถึงการประเมินจิตใจของผู้ให้ หรือ ผู้ไม่ได้ให้สิ่งอันเป็นที่พึงพอใจนั้น… หลายคนใช้ทัศนคติ หรือ แม้แต่อารมณ์เป็นพื้นฐานในการประเมินจิตใจของผู้ให้ หรือ ผู้ไม่ได้ให้… ซึ่งถ้าเพียงแต่ลอง “ใช้เหตุผล” ในการประเมินจิตใจของผู้ให้แต่ไม่เป็นที่พึงพอใจ หรือแม้แต่กัลผู้ที่ไม่ได้ให้ดูบ้าง… หลายประเด็นน่าจะสามารถปรับ “สมดุลย์ในสาระเรื่องจิตใจดีต่อกัน” ให้ดีขึ้นได้ โดยเฉพาะกับคนใกล้ชิด และ คนในสายสัมพันธ์ที่เชื่อมต่อกันอยู่ก่อน
ส่วนประเด็นจิตใจดีมีเมตตากับคนแปลกหน้า… โดยส่วนตัวเชื่อว่าแค่เพียงไม่เป็นคนฉกฉวย ละเมิด และ เอาเปรียบคนไม่รู้จักก็ถือว่าเป็นคนจิตใจดีได้แล้ว… มันง่ายมาก