Fail Fast/Learn Fast… เป็นแนวคิดย่อยที่เผยแพร่มากับแนวคิดหลักที่ชื่อ Lean Startup หรือหลักการริเริ่มอย่างเรียบรื่น ซึ่งถือเป็นสูตรการริเริ่มพัฒนานวัตกรรมและธุรกิจสมัยใหม่ ซึ่งแต่เดิมมีใช้กันอย่างแพร่หลายในธุรกิจ Tech-Startup ที่ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่ริเริ่มจาก Founder อายุไม่มากและเงินลงทุนมีน้อย แต่ศรัทธาแนวคิดและทักษะตัวเองสุดลิ่ม…
แต่ในปัจจุบัน… แนวคิด Fail Fast/Learn Fast มีการปรับใช้กับการจัดการองค์กรขนาดใหญ่ รวมทั้ง SMEs มากมายที่ต้องปรับตัวหาโมเดลการทำมาค้าขายสร้างรายได้ใหม่ ซึ่งแนวทาง Fail Fast/Learn Fast เองก็ไม่มีอะไรยุ่งยากซับซ้อน หรือเป็นของใหม่มาจากไหน เพราะหัวใจของ Fail Fast/Learn Fast ก็คือการลองผิดลองถูกให้รู้ทิศรู้ทางไวๆ แค่นั่นเอง
ประเด็นก็คือ… มันจะ Fail หรือล้มเหลวแน่ๆ หากคนเราต้องเปลี่ยนไป “ลองทำ” อะไรที่ตัวเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ผลสุดท้ายออกมามันจะ “เลิศหรือเละ” แค่ไหน… การตัดสินใจจะลงทุนลงแรงและสละเวลา ไปกับแนวทางหรือความเชื่อและความหวังว่า สิ่งที่จะ “ลองทำ” คงสร้างโอกาสให้ รวมทั้งเชื่อด้วยว่าผลมันจะออกมาดีอย่างที่คิดหรือดีกว่าที่คิดยิ่งดี!
แนวคิด Fail Fast/Learn Fast ถือว่าเป็นแนวทางสากลในการริเริ่มสิ่งใหม่ไปแล้วในปัจจุบัน แถมยังเป็น Concept หรือ แนวคิดเท่ห์ๆ ที่คนพูดแนวคิดนี้จะดูดีไม่น้อยในยามเอาเรื่องราวความล้มเหลวก่อนเก่า กลับมาเล่าถึงความสำเร็จที่น่าอิจฉาในปัจจุบัน… ทั้งๆ ที่ส่วนใหญ่แล้ว หายากมากที่ตั้งใจไปเจอความล้มเหลว หรือลุยทั้งที่รู้ว่าจะ Fail อย่างที่เล่าให้คนอื่นฟังทีหลัง… โดยเฉพาะคนที่ล้มเหลวซ้ำซาก และหมดโอกาสแก้ตัวในแนวทางที่ล้มเหลวมานั้น จนต้องเปลี่ยนไปลองแนวทางใหม่… และล้มเหลวไร้ผลตอบแทนที่พอใจอีกครั้ง และอีกครั้ง
ประเด็นก็คือ… แม้แนวคิด Fail Fast จะมีไว้เพื่อพัฒนาและเรียนรู้ทิศทางที่จะเติบโตก้าวหน้าในธุระการงาน แต่ทุกครั้งที่เกิด Fail หรือล้มเหลวขึ้น… ส่วนที่กระทบกระเทือนมากที่สุดในจังหวะนั้น มักจะเป็นคนทำเป้าหมายส่วนนั้นล้มเหลวกับมือนั่นเอง
ท่านที่เคยทำอะไร “เจ๊ง” มาก่อนจะเข้าใจดีว่าผมกำลังพูดถึงอะไร… ผมกำลังพูดถึง “จิตใจ” ของคนที่ Fail หรือล้มเหลว และได้ “บทเรียน” ตั้งแต่ขำๆ ไปจนถึงบทเรียนที่ต้องจำจนวันตาย… ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้พร้อมหรือเผื่อใจเพื่อจะล้มเหลวเอาไว้ล่วงหน้า จนเจอภาวะ “จิตตก” จนหลายคนสูญเสียพลังใจ… และสูญเสียหลายสิ่งอย่างในชีวิตไปด้วยนั่นเอง
หลักสำคัญของการเรียนรู้จากล้มเหลว จึงไม่ใช่เรื่องล้อเล่นที่คิดจะล้มเอาเท่ห์โดยไม่ “เตรียมพร้อมและเผื่อใจ” เอาไว้ก่อน… ยิ่งถ้าสามารถสร้าง “โซลูชั่นหรือดัชนีชี้วัด” เพื่อตรวจสอบและประเมินอาการสำเร็จล้มเหลวเอาไว้ก่อนได้ด้วย นอกจากจะมีเครื่องมือปกป้องจิตใจที่ดีแล้ว… ผมกล้ายืนยันให้ได้เลยว่า ท่านสามารถเรียนรู้จากความสำเร็จล้มเหลวครั้งนั้นได้อย่างคุ้มค่าและทันเวลาแน่นอน
หัวใจสำคัญจริงๆ ของการ Fail Fast จึงอยู่ที่ Learn Fast และ Learn Smart ให้ได้นั่นเอง… และที่สำคัญก็คือ อย่าล้มให้เจ็บฟรี ซึ่งนอกจากจะช่วยปกป้องภาวะจิตตกได้อย่างดีแล้ว หลายคนยังเคยได้ “ความเชื่อมั่นยิ่งกว่าเดิม” ที่จะลองใหม่อีกครั้ง!!!
