อารมณ์ความรู้สึกที่คนๆ หนึ่งมีกับตัวเองของคนส่วนใหญ่มักจะหลากหลาย ไม่ต่างจากอารมณ์ความรู้สึกที่คนๆ หนึ่งมีต่อผู้อื่น ทั้งที่เป็นคนใกล้ตัวและที่เป็นคนไกลตัว ซึ่งมักจะเป็นไปตามพื้นฐานจิตวิทยาความสัมพันธ์ของแต่ละคนว่าสร้างขึ้นจากประสบการณ์แบบไหน
ประเด็นก็คือ… อารมณ์ความรู้สึกที่คนๆ หนึ่งมีต่อทุกสิ่งรอบตัว รวมทั้งอารมณ์ความรู้สึกที่มีต่อตัวเองนั้น มักจะไม่ได้ราบเรียบคงที่ หรือ เสมอต้นเสมอปลายกันเท่าไหร่ โดยเฉพาะอารมณ์ความรู้สึกในยามที่มีเหตุปัจจัยมากระทบให้ “สูญเสียบางอย่าง และหรือ รู้สึกสูญเสียบางอย่าง” ทั้งที่ระบุได้ชัดเจน และ หลายอย่างที่เป็นเรื่องรวมๆ ถัวๆ แล้วทำให้อารมณ์ความรู้สึกหม่นมัวแบบ “สุขก็ไม่ใช่ เศร้าก็ไม่สุด” ซึ่งหลายกรณีนำมาซึ่ง “ปัญหาใหญ่ยิ่งกว่าสาเหตุและที่มา” ต่อจากนั้นมาก…
ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจก็คือ… กลไกอารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวของทุกคน มักจะเป็นส่วนหนึ่งของระบบการเตือนภัยที่คนๆ นั้นพัฒนาขึ้นจากพื้นฐานจิตวิทยาที่มักจะเชื่อมโยงกับประสบการณ์ในอดีต โดยไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์… สิ่งที่เชื่อมโยงอารมณ์ความรู้สึกเข้าหาสุขหรือทุกข์โดยปกติจะเป็นตัวเชื่อมเดียวกันที่เรียกว่า “ความเชื่อ หรือ ความเชื่อมั่น” นั่นเอง
ประเด็นเป็นแบบนี้คือ… ถ้าคนเราเชื่อมั่นว่ามันจะดี อารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวก็จะออกมาดี ซึ่งถือว่าอยู่ในอารมณ์ความรู้สึกพึงพอใจจนนำความสุขมาให้… แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าเราเชื่อมั่นว่ามันแย่ อารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวที่สะท้อนให้เห็นก็จะออกไปทาง “อยู่ไม่สุข” กันเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อเราเชื่อว่ามันจะแย่ หรือ รับรู้ว่ามันได้แย่ไปแล้ว และ ไม่เหลือ “ทางเลือกที่เชื่อมั่นว่ามันจะดี” เหลือให้ตัวเองเลย… คนส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในภาวะ “สูญเสียความเชื่อมั่นอย่างสมบูรณ์”
การสูญเสียความเชื่อมั่น หรือ Losing Confidence จึงไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยในทางเทคนิค เพราะความเชื่อมั่นเป็นสะพานเชื่อมอารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวของเรากับระดับทุกข์สุข ที่เชื่อมโยงไปถึงมูลเหตุซึ่งมักจะเป็น “ปัญหา” บางอย่าง… ถึงแม้หลายกรณีจะ “เป็นปัญหาที่ไม่ต้องแก้” หรือบางกรณีจะ “เป็นปัญหาที่ไม่ทันได้แก้” แต่ทั้งหมดนั้นสร้างข้อเท็จจริงให้อารมณ์ความรู้สึกอ่อนไหวไปในทางลบ จากความเชื่อมั่นที่พร่องไป
คำถามคือ… ความเชื่อมั่นที่พร่องหายไป หรือ สูญเสียไปสามารถนำกลับมาได้หรือไม่?… คำตอบคือ “หลายคน” สามารถนำความเชื่อมั่นมาคืนตัวเองได้ แต่ “ไม่ใช่ทุกคน” ที่สามารถนำความเชื่อมั่นมาคืนตัวเองได้… เพราะความสามารถในการตามหา และ ค้นพบความเชื่อมั่นใหม่หลังจากทำหายไปแล้วของแต่ละคนจะมีไม่เท่ากัน
ข่าวดีก็คือ… ความเชื่อมั่นที่พร่องหายไป หรือ สูญเสียไป “สามารถหาทดแทนได้ด้วยตัวเอง” นั่นแปลว่า… ความเชื่อมั่นไม่สามารถหาได้จากคนอื่น หรือ ให้คนอื่นรับผิดชอบหาให้… ซึ่งใครก็ตามที่เชื่อหรือรู้สึกว่า ความเชื่อมั่นที่พร่องหายไป หรือ สูญเสียไปสามารถหาทดแทนได้จากผู้อื่น เหมือนการทดแทนรองเท้าหาย ด้วยการขโมยรองเท้าคนอื่นจะไม่มีวันหาความเชื่อมั่นกลับมาให้ตัวเองได้อีก
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ… ความสูญเสียส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นในอารมณ์ความรู้สึกที่เปราะบางของคนเรานั้น เกือบทั้งหมดจะค้างคาอยู่กับอารมณ์ความรู้สึก เพราะทัศนคติส่วนตนอยู่ในภาวะ Sunk Cost Fallacy หรือ ความเข้าใจคลาดเคลื่อนเรื่องต้นทุน หรือ การยังให้คุณค่าหรือราคาส่วนที่สูญเสียไปแล้วทั้งๆ ที่การสูญเสียได้เกิดขึ้นและสิ้นสุดไปแล้ว… ซึ่งไม่ต่างจากพ่อค้าเก็บนมสดหมดอายุไว้ในตู้เย็นเพราะเสียดายทุนที่จมไปกับนมที่ขายไม่ออก โดยไม่สนจะทิ้งไปเพื่อเอาพื้นที่ตู้เย็นและค่าไฟที่จ่าย ไปสั่งนมสดล็อตใหม่มาให้ลูกค้าเลือก หรือ ไม่ก็เปลี่ยนเป็นสินค้าอื่นมาใส่ตู้เย็นใบนั้นรอลูกค้าดีกว่า
ว่าแต่มีถุงขยะใส่ของทิ้งหรือยังครับ!
References…