นับตั้งแต่ค่ายรถยนต์จากแผ่นดินจีนถือเงินลงทุนเข้ายุโรป เพื่อไล่ซื้อแบรนด์รถยนต์ที่สะสมตำนานไว้เป็นสมบัติมากมาย แต่ไม่เหลือทรัพย์สมบัติ หรือ เงินทุนเพียงพอจะเติมเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์รุ่นต่อๆ มา จนแทบจะไม่เหลือแม้แต่ชื่อให้คนรุ่นใหม่สะดุดหูสะดุดตาบนท้องถนน
แบรนด์ Supercar และ Hypercar ที่เกิดมาจากสนามแข่งอย่าง Lotus หลังการจากไปของผู้ก่อตั้งอย่าง Colin Chapman ในปี 1982… จึงแทบจะไม่มีอะไรใหม่ออกมาขาย แม้แต่คนที่รัก Lotus และ Colin Chapman ก็ไม่มีอะไรให้น่าสนใจจนหันไปหา Supercar จากเยอรมันและอิตาลีมากกว่า… ในขณะที่ Lotus Cars Limited จากอังกฤษ และ โรงงานในเมือง Hethel ก็ถูกเปลี่ยนมือไปเป็นของค่ายรถยนต์ทุนหนาที่หวังจะหากำไรจากชื่อเสียงและทีมวิศวกรของ Lotus Cars แต่ก็จบลงด้วยการใส่เงิน ปั่นราคาหุ้นและขายต่อ…
กระทั่งปี 2017… Zhejiang Geely Holding Group จากจีนก็ได้ซื้อหุ้น Lotus Cars Limited ไว้ 51% เข้ามาเติมพอร์ตที่มีทั้ง Volvo Lynk & Co PoleStar และ Geely ซึ่งได้เติมเต็มสินค้าระดับ Supercar และ Hypercar ให้ค่าย Geely เพื่อเป้าหมายการเติบโตเป็นเครืออุตสาหกรรมยานยนต์ในยุค EV ที่สามารถเทียบเคียงหรือเหนือกว่าค่ายรถยนต์เยอรมัน… ญี่ปุ่น หรือแม้แต่สหรัฐอเมริกา
All-Electric Hypercar รุ่น Lotus Evija จึงลงตลาดได้อย่างงดงามในปี 2021 ซึ่งยังคงดูแลงานออกแบบโดย Russell Carr ผู้ที่เคยทำให้ฝันสุดท้ายของ Colin Chapman กับการ Re-Design ผลงานของ Giorgetto Giugiaro ให้ Lotus Esprit มีรุ่น Facelift เพื่อต่ออายุแบรนด์ Lotus ซึ่งโลโก้ยังมีชื่อย่อของ Colin Chapman ติดอยู่ กระทั่งถึงยุคเปลี่ยนผ่านจากน้ำมันเป็นไฟฟ้า… Lotus Evija ถือเป็นตั๋วกันตายให้แบรนด์ Lotus ในตลาดรถยนต์ซึ่งรถใช้น้ำมันและเกียร์ครัชแบบที่สร้างอุตสาหกรรมรถยนต์ในศตวรรษที่ 20 นั้น… กำลังจะหายไปจากสายการผลิตทั่วโลกภายในไม่กี่ปีนับจากนี้
Lotus Evija สร้างความตื่นตะลึงให้กับวงการ Hypercar ด้วยการเป็นรถที่สามารถวิ่งในถนนอย่างถูกกฏหมายที่มีกำลังให้ใช้งานสูงสุดถึง 1,973 แรงม้า… ใช้โครงสร้างตัวถังแบบ Fiberglass Monocoque หรือ ขึ้นรูปโครงสร้างแบบชิ้นเดียวด้วยคาร์บอนไฟเบอร์เกรดพิเศษ… ซึ่งตัวถังและชิ้นส่วนตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ถือเป็นจิตวิญญาณของรถยนต์ Lotus ทุกรุ่น
ด้านการออกแบบรูปทรงตัวถัง และ อากาศพลศาสตร์… Lotus Evija มากับระบบ Active Aerodynamics และ Rack-Honed Aerodynamics ซึ่งจะทำให้สปอยเลอร์หลังทำงานแบบ DRS หรือ Drag Reduction System เหมือนในรถแข่ง F1 เพื่อให้สปอยเลอร์หลังช่วยเรื่องการยึดเกาะถนนได้ดีขึ้นในทุกย่านความเร็วและการเข้าออกโค้ง แต่ไม่เป็นตัวถ่วงความเร็วเมื่ออยู่ในทางตรง
ส่วนพละกำลังจะมาจาก… ชุดขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ 4 ตัว แยกติดตั้งอิสระให้ล้อทั้ง 4 แบบ All-wheel Drive ให้กำลังสูงสุดรวม 1,973 HP หรือ 2,000 PS ที่แรงบิดสูงสุด 173.2 MKG หรือ 1,700 NM… ออกตัวจาก 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงด้วยเวลาต่ำกว่า 3 วินาที และ จำกัดความเร็วสูงสุดเอาไว้ที่ 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง… รายละเอียดทางเทคนิคอื่นๆ มีอีกเยอะมากแบบจัดเต็มเพื่อให้กลายเป็นที่สุดของพาหนะบนพื้นถนน…
ข่าวร้ายก็คือ Lotus Evija ผลิตแบบจำกัดจำนวนเพียง 130 คันเท่านั้น… และเปิดจองที่ราคา 2,100,000 ดอลลาร์สหรัฐมาตั้งแต่ปี 2020… คิดเป็นเงินบาทเอาเองน๊ะครับ ซึ่งเป็นยอดเงินที่ยังไม่รวมภาษีนำเข้า







References…
One reply on “Lotus Evija #สุดสัปดาห์พาดูรถ”
[…] 2,011 แรงม้า เป็นของ Lotus Evija ก่อนจะตามมาด้วย Aspark Owl ที่ 1,984 แรงม้า […]