ในยุคดิจิตอลอย่างปัจจุบัน การทำธุรกิจและเริ่มธุรกิจในทัศนะของผมเป็นเรื่องง่ายกว่าแต่ก่อนมาก เพราะหัวใจของธุรกิจคือการขายและลูกค้า ซึ่งดิจิตอลไลฟ์สไตล์สามารถต่อตรงจากธุรกิจ ไปถึงลูกค้าโดยตรงผ่านช่องทางสื่อสารที่อยู่ในมือลูกค้าเอง
ผมกำลังพูดถึงโทรศัพท์มือถือ ที่ใครๆ ก็ต้องมีและต้องใช้ จนกลายเป็นอวัยวะลำดับที่ 33 ไปแล้ว
คนส่วนใหญ่ติดมือถือเพราะเหตุผลเดียวกันคือ ความสะดวกสะบายหลายอย่าง ที่มือถือช่วยให้จังหว่ะชีวิต เติมเต็มความยุ่งยากและประสบการณ์การใช้ชีวิต ให้ดีกว่าวันเก่าๆ ที่โลกยังไม่มีสมาร์ทโฟน
สมาร์ทโฟนเหล่านี้เองจึงเป็นช่องทางออกแบบธุรกิจใหม่ๆ เพื่อเติมประสบการณ์ “ขั้นกว่า” อย่างในปัจจุบัน ให้ล้ำเลิศขึ้นไปได้อีกเรื่อยๆ
ประเด็นก็คือ… การจะออกแบบธุรกิจโดยมองโมเดลที่จะใช้ช่องทางสื่อสารการตลาดผ่านสมาร์ทโฟน เป็นเรื่องวุ่นวายยุ่งยากซับซ้อนหรือไม่?
ถ้าทำไม่เป็นก็ยากครับ!
แต่ผมก็ยังไม่เคยเคยเห็นว่าจะมีอะไรทำได้ง่าย ถ้าเราทำไม่เป็น… ผมมีเพื่อนจบปริญญาเอกที่สามารถอธิบายเรื่องแรงโน้มถ่วงและสนามเหนี่ยวนำระหว่างดวงดาวได้เป็นฉากๆ แต่กางเต็นท์ให้ลูกเล่นที่สนามหน้าบ้านไม่ได้… เพราะทำไม่เป็นและไม่เคยทำ
ในแวดวงธุรกิจการตลาดยุคดิจิตอลก็เช่นกันครับ หลายท่านที่พูดคุยกับผม… เรียกว่าส่วนใหญ่เลยก็ว่าได้ มักจะออกตัวว่าไม่รู้เรื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟท์แวร์ อินเตอร์เน็ตและไอทีร้อยแปด ส่วนใหญ่กังวลใจเรื่องที่จะต้องเรียนรู้และใช้งานอะไรๆ ที่ออกแนวไอที
แต่เราจะเริ่มกันแบบนี้ครับ… ยกมือถือขึ้นมา แล้วนึกย้อนกลับไปวันแรกที่ท่านลองเล่นสมาร์ทโฟน… จำความรู้สึกวันนั้นได้มั้ยครับ?… และจากวันนั้นถึงปัจจุบัน ท่านใช้มือถือทำอะไรได้บ้าง?… ที่สำคัญ ท่านต้องมีคนสอนใช้มือถืออยู่มั๊ย?
ที่จะบอกก็คือ วันนี้มือถือในมือทุกคน คือเครื่องมือและช่องทาง ทางการตลาดที่สามารถสร้างกำไรให้ธุรกิจ ได้มากเกินจินตนาการ
นักธุรกิจที่ผมรู้จักทุกคน มีประเด็นเรื่องมือถือกับช่องทางการสื่อสารกับลูกค้าสารพัดมาคุยกับผมเสมอ… แม้แต่คนรู้จักที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ต่างก็มองหาเทคนิควิธีการที่จะใช้มือถือในมือนักศึกษา เป็นเครื่องมือถ่ายทอดความรู้และบทเรียนกันทั้งนั้น
แน่นอนว่าทุกคนถามหาเทคนิคลงแรงน้อยกว่าเดิม แต่ได้ผลสำเร็จดีกว่าเดิมทั้งสิ้น
และคำตอบของผมที่แนะนำทุกท่านที่ถามคือ ผลักทุกกลไกที่อัตโนมัติได้ ให้ทำงานอัตโนมัติ… ยกตัวอย่าง
คนไข้คลินิกผิวหนังและความงามแห่งหนึ่ง… คนไข้ ทำเลเซอร์ผิวเสร็จ คนไข้จะถูกถามว่า ใช้แอพพลิเคชั่นไลน์มั๊ย? และเจ้าหน้าที่จะเอาบาร์โค้ดเพื่อแอดไลน์เป็นเพื่อนให้คนไข้ไป… เมื่อเพิ่มเพื่อนเสร็จ ข้อความตอบรับอัตโนมัติจากไลน์จะส่งคลิปแนะนำการดูแลตัวเองหลังรักษาทั้งหมด โดยไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่มาสอนซ้ำเดิมให้คนไข้ทุกคนเหมือนในอดีต… วันรุ่งขึ้น คนไข้จะยังได้ข้อความสอบถามอาการ และเตือนเรื่องดูแลตัวเองตามเวลา ทุกวันจนขั้นตอนหลังรักษาครบคอร์ส… ระหว่างนั้น โปรแกรมดูแลผิวเอย สินค้าต่างๆ ที่คลีนิคจะทำ Upsell และ Cross sell ก็จะถูกส่งตามมาสม่ำๆ เสมอ
ข้อความส่วนหนึ่งเป็นข้อความอัตโนมัติที่แอพพลิเคชั่นไลน์ มีฟังก์ชั่นให้สมาชิกใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารการตลาดให้ธุรกิจได้
เครื่องมือแบบนี้ มีชื่อเรียกรวมๆ ว่า Marketing Automation หรือการตลาดอัตโนมัติครับ… ซึ่งในกลไกการสื่อสารการตลาดแบบอัตโนมัติมีเครื่องมือหลายแบบให้คนค้าขายและนักการตลาดเลือกใช้ เช่น Chat Bot, Email Marketing, Customers Relationship Management Software(CRM)
ที่จะบอกก็คือ… เครื่องมือแบบนี้ ใครๆ ก็เรียนรู้ได้ ใช้งานได้ และยังมีเครื่องมืออีกมากที่ใช้งานอัตโนมัติแบบนี้ ให้เรียนรู้และนำไปใช้งาน… และพัฒนาการของเครื่องมือเหล่านี้ จะยิ่งล้ำลึกก้าวหน้าด้วยวิทยาการด้าน Big Data เอย… ด้าน AI, Artificial Intelligent และ Machine Learning
ประเด็นก็คือ… ถ้าท่านคิดจะค้าขายเล็กๆ น้อยๆ หรือจะจริงจังแค่ไหน… ศึกษาเรื่องนี้ไว้ครับ แม้ไม่ได้ใช้เองก็มี Mindset และความรู้ส่งต่อคนที่อาจจะใช้ประโยชน์ได้ในอนาคต… ไม่อยากบอกเหมือนบีบกรอบเวลากับทุกท่านหรอกครับ… แต่ข้อเท็จจริงก็คือว่า ช่วงนี้ยังถือเป็นช่วงเริ่มต้นของยุค AI ที่ท่านทั้งหลายตั้งหลักเรียนรู้ได้ง่ายกว่าอีกสองสามปีข้างหน้า ที่หลายสิ่งจะถูกผลักเข้าสู่วงจรอัตโนมัติไปแล้ว ที่การเริ่มศึกษาเรียนรู้ในห้วงเวลาแบบนั้น… ผมคิดว่าน่าจะต้องใช้ความพยายามมากกว่าแน่นอน
ครับผม!
