ทุกท่านทราบดีอยู่แล้วว่า Growth Mindset เป็นเรื่องสำคัญที่เปลี่ยนท่านไปเป็นอะไรก็ได้ที่ท่านปราถนา… และก็เป็นที่ทราบกันดีแหละว่า… Fixed Mindset ก็เป็นอุปสรรคที่คอยตรึงท่านเอาไว้กับ Comfort Zone ด้วยความกลัวและหวาดระแวงหลายอย่าง… เหมือนตัวขาวกับตัวดำในสมองของเราที่ขัดแย้งกันจนสุดท้าย… เสียเวลาไปอย่างน่าเสียดาย
ผมไปตามหางานเขียนบทหนึ่งที่ inc.com ชื่อ “12 Ways to Shift Your Mindset and Embrace Change” ซึ่งเป็นคำแนะนำเพื่อปรับองค์กรธุรกิจในยุค Disruption ที่ Podcaster ชื่อดังอย่างคุณรวิศ หาญอุตสาหะ เคยเอามาเล่าไว้นานแล้ว… ผมอยากอ่านต้นฉบับบ้าง ก็เลยไปค้นดู… พออ่านแล้วก็คิดว่า นี่เป็นแนวทางหนึ่งที่จะฝึกให้เราเชื่อและอยู่กับตัวขาวหรือ Growth Mindset มากกว่าจะเสียเวลาฟังตัวดำหรือ Fixed Mindset ที่กลัวการเปลี่ยนแปลงและความเสี่ยงโดยไม่พยายามอะไร… ก็เลยยกมาเป็นแนวทางเผื่อใครจะกำลังมองหาวิธีให้ตัวเองเปลี่ยนแปลงดีขึ้นจากเดิมอยู่ ที่อาจจะใช้ประโยชน์ได้
ซึ่งผมเชื่อมาตลอดว่า… การสร้างการเปลี่ยนแปลงต้องการ การฝึกซ้อมความคิดและจิตใจ หรือ Mental Exercises เพื่อช่วยให้ Growth Mindset เติบโตจากข้างในจนสร้างการเปลี่ยนแปลง และปลดปล่อยศักยภาพในตัวเราออกมามากกว่าที่เคยเป็น…
มาดูแนวทางที่บทความแนะนำไว้ทั้ง 12 แนวทางด้วยกันครับ…
- ฝึกสมาธิ!… ตัวเนื้อหาไม่ได้แนะนำให้ “นั่งสมาธิ” แต่อธิบายถึงการใช้ตัวช่วยหลายอย่างให้ท่านอยู่กับบางสิ่งนิ่งๆ ว่างๆ หรือคงที่ ในช่วงเวลาหนึ่ง… ท่านจะนั่งสมาธิก็ได้เพราะเครื่องมือหลายตัวที่แนะนำจะเป็นหนังสือหรือ App ช่วยทำสมาธิ ซึ่งผมขอไม่ลงรายละเอียด เพราะคนไทยคุ้นเคยกับคำว่าทำสมาธิกันอยู่แล้ว… ซึ่งผมคิดว่า ท่านจะนั่งหรือทำแบบไหนให้ตัวเองมีสมาธิก็ได้… อย่างน้อย 10 นาทีต่อวันติดต่อกัน 10 วันอย่างน้อย และควรทำไปเรื่อยๆ
- พัฒนาตัวเองให้ดีกว่าเดิม… หมายถึงเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ฝึกทักษะอะไรใหม่ๆ… ที่ส่งผลกับตัวเองเช่น อยากสวยก็แต่งหน้าให้สวย เลือกใส่เสื้อผ้าสวยๆ ฝึกกิริยามารยาทให้พร้อมจะเป็นคนสวย… อยากแข็งแรงก็ไปออกกำลังกาย ปรับอาหาร ปรับกิจวัตรประจำวันให้พร้อมจะเป็นคนแข็งแรง… อยากเก่งเรื่องอะไรก็ไปเรียน ถ้าไม่รู้จะเรียนอะไร ยิ่งควรทดลองเรียนไปเรื่อยๆ… เดี๋ยวนี้ความรู้ต่างๆ ระดับพื้นฐานมักจะมีสอนบน YouTube มากมาย… ก็เหลือแค่อยากเรียน อยากรู้และอยากเก่งขึ้นจริงหรือเปล่า?
- ฝึกสมองให้คุ้นเคยที่จะสังเกตุและเห็นการเปลี่ยนแปลง… อย่างน้อย 3 เรื่องต่อวันโดยเน้นเรื่องที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น… มองหาจากคนหรืองานรอบๆ ตัวว่าอะไรเปลี่ยนไปแล้วบ้าง… ดีกว่าเดิมแค่ไหนอย่างไร หรือฝึกคิดว่าถ้าอะไรเปลี่ยนแล้วจะดีกว่าเดิม… สังเกตุวงสนทนากับเพื่อนร่วมงานก็ได้ครับ การวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นต่างๆ มักจะมีแนวคิดการเปลี่ยนแปลงแทรกอยู่… หรืออย่างน้อยท่านจะเจอโจทย์ปัญหาให้คิดเล่นๆ ได้ฝึกสมองอยู่แล้ว
- ฝึกวิเคราะห์ตัวเองในวันหน้า… ถ้าเราไม่เปลี่ยน อีก 6 เดือนหรือ 1 ปีข้างหน้าเราจะเป็นยังไง… ถ้าเราเปลี่ยนแปลงได้สำเร็จใน 6 เดือนหรือ 1 ปีข้างหน้าเราจะเป็นยังไง… และถ้าการเปลี่ยนแปลงไม่สำเร็จเราจะเป็นยังไง… รวมถึงเราต้องทำยังไงให้การเปลี่ยนแปลงดีขึ้นได้
- ให้โฟกัสเป้าหมายระยะยาว… ประเด็นนี้ชัดเจนว่า การเปลี่ยนแปลงส่วนมากจะเห็นความแตกต่างชัดเจนในระยะยาว ที่คนหวังผลระยะสั้นจะต้องรู้เท่าทันความต้องการระยะสั้นของตัวเอง และจัดการความจำเป็นเร่งด่วนให้เหมาะสม โดยไม่ทิ้งเป้าหมายระยะยาว… หลายครั้งที่เราเจอเรื่องจำเป็นและเร่งด่วนที่มักจะมีสาเหตุมาจากเรื่องที่ควรโฟกัสตั้งแต่ 5 ปีหรือ 10 ปีที่แล้ว อย่างเช่น ปัญหาสุขภาพที่แค่แข็งแรงด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอก็ไม่ป่วย… เหมือนอยากได้ร่มเงาจากต้นไม้ ก็ควรปลูกไว้ตั้งแต่ 10 ปีที่แล้วเป็นต้น
- นึกถึงเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เข้าไว้… ผมเชื่อว่าเรื่องนี้คิดออกไม่ยากว่า เราจะเจอเรื่องอะไรที่หลบไม่พ้นในอนาคต… แล้วคิดเลยหนทางที่จะหลบเลี่ยง… ใช้ Growth Mindset ตามหา “ที่มาก็จะเจอที่ไป” ได้ไม่ยาก… เรียนรู้และศึกษาที่มาที่ไปก็จะพอทราบแนวทาง… ซึ่งเราโชคดีมากที่อยู่ในยุคที่สามารถค้นหาข้อมูล สถิติ ความรู้หรือคำแนะนำแทบทุกอย่างได้จากอินเตอร์เน็ต
- ทำงานที่ไม่อยากทำดูบ้าง… ผมเชื่อว่างานยากคือโอกาส… คนที่มี Growth Mindset จะไม่กลัวการทดลองทำเรื่องยากๆ… ในขณะที่คนแบบ Fixed Mindset มักจะคิดว่าการทำอะไรยากๆ เป็นเรื่องโง่ๆ… ก็ไม่ผิดหรอกครับถ้าใครยังทำเรื่องยากๆ แบบโง่ๆ… ซึ่งคนที่มี Growth Mindset จะมีวิธีจัดการเรื่องยากๆ ด้วยวิธีที่ฉลาดกว่าเดิมได้แน่ๆ แม้จะต้องเริ่มที่เรื่องโง่ๆ ในทัศนคนอื่นก่อน แต่เมื่อเรียนรู้ ปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงจนที่สุดแล้ว ใครก็คงคิดออกว่าจะต้องมาไกลกว่าเรื่องโง่ๆ ได้แน่… ลองดูครับทั้งเรื่องยากๆ หรือเรื่องที่ไม่มีใครอยากทำ…
- เปิดรับข้อเท็จจริงจากมุมมองด้านอื่น… ซึ่งถ้าท่านรับฟังและเรียนรู้แง่มุมอื่นๆ และเปิดทางให้การเปลี่ยนแปลงด้วยข้อเท็จจริงจากมุมมองจากภายนอก ในบทความยกกรณีการจ้าง CEO มาบริหารธุรกิจที่เราเป็นเจ้าของดูซิ แล้วท่านจะกลายไปเป็นท่านประธานที่มีมุมมองมากกว่าจากมุมเดียวที่เคยมี… ยิ่งท่านต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลง การเริ่มต้นที่ “เปิดรับข้อเท็จจริงด้านอื่น” แล้วที่เหลือก็แค่ทดลองดู
- ยอมรับชะตาที่การเปลี่ยนแปลงอาจจะมีเราหรือไม่มีก็ได้… แนะนำให้ยอมรับ 3 เรื่องคือ ชีวตนั้นสั้นหนึ่ง… เวลาเป็นของมีค่าหนึ่งและอัตตาต้องขัดเกลาด้วยอ่อนน้อมอีกหนึ่ง… ทุกๆ สิ่งล้วนเปลี่ยนแปลง แม้ว่าท่านจะไม่อยากเปลี่ยนแปลง หรือกลัวการเปลี่ยนแปลงเพียงใด… เวลาก็จะเปลี่ยนแปลงท่านเท่าที่อายุขัยมี… การเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง อาจจะไม่มีเราเป็นสมาชิก ก็จงทำใจ หรือไม่ ก็ต้องฝึกอัตตาตัวเองให้อ่อนน้อมให้เป็น… เพราะคนอ่อนน้อมมักจะเป็นสมาชิกทีมที่ดี และไม่ค่อยถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
- ฟังวิธีแก้ปัญหาแบบผู้หญิง… ที่จริงข้อนี้ในบทความแนะนำให้จ้างผู้หญิงเข้าทีมให้มาก เพราะผู้หญิงมีทักษะการแก้ปัญหาแบบองค์รวมโดยสัญชาตญาณของเพศแม่ ประณีประนอมสูง อ่อนน้อมและเป็น Team Members ที่ดี… ซึ่งคงหมายถึงผู้หญิงที่มี Growth Mindset ด้วยเหมือนกัน ส่วนผู้หญิงแบบ Fixed Mindset เราข้ามไปไม่พูดถึงน๊ะครับ
- ยืดยุ่นกับการแทรกแทรงจากภายนอก… ที่ข้อเท็จจริงไม่ว่าท่านจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ แรงต้านและแรงส่งต่อสิ่งที่ท่านกำลังทำหรือเป็นอยู่ จะท้าทายจนต้องปรับเปลี่ยนและยืดยุ่นเท่านั้น จึงจะสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ การยอมรับแรงกดดันจากภายนอก ทั้งด้านบวกและด้านลบ… ไม่ใช่เรื่องอ่อนแอหรือขลาดเขลาโง่งม หากรู้จักปรับเปลี่ยนและใช้เป็นแนวทางเพื่อพาตัวเองหลุดจากแรงกดดันที่ท้าทาย และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับแรงส่งภายนอกที่โอบอุ้มหนุนนำ… อย่าถอดใจเมื่อเจออะไรแทรกแบบงานงอกนั่นเอง
- กำจัดเรื่องทุนจมออกไปจากสมอง… หลายครั้งเราลงทุนลงแรงไปมากกับบางเรื่องจนไม่กล้าเปลี่ยนหรือแม้แต่ยกเลิกหรือก้าวข้ามไป ทั้งๆ ที่เห็นโอกาสและข้อเท็จจริงมากมายตรงหน้า… การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นไม่ได้ถ้ายังห่วงเรื่อง “ลงทุนลงแรงไปมากแล้ว” เพราะระหว่างนั้นต้นทุนที่น่ากังวลกว่ามักจะเป็น “เวลากับโอกาสใหม่ๆ” ที่หลายครั้ง เราเสียไปโดยไม่รู้ตัวเพียงเพราะ “เสียดาย”
ขออภัยที่เขียนแบบคนละเรื่องเดียวกันกับต้นฉบับ… หลายท่านที่คุ้นกับการตีความแบบผมก็คงไม่แปลกใจ… ส่วนท่านที่สนใจต้นฉบับ มีลิงค์อยู่ใต้อ้างอิงน๊ะครับ
ในมุมมองของผม… ศาสตร์ด้านการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องที่หาแบบแผนหรือสูตรสำเร็จสำหรับใครไม่ได้ชัดเจนหรอก… ง่ายที่สุดก็แค่ มองหาอะไรดีๆ ให้ตัวเองได้รับเพิ่มขึ้นทีละเล็ก ทีละเรื่อง… เหมือนหยอดกระปุกความสำเร็จด้วยการเปลี่ยนแปลงเอาสิ่งที่ดีเข้าตัวทีละเล็กละน้อยนั่นแหละครับ… ต้องฝึกให้ชินกับการเปลี่ยนแปลงด้วย Growth Minset สม่ำเสมอ… ทำให้ตัวเองมีสมาธิ… สร้างตัวเองด้วยความรู้ใหม่ๆ… ฝึกทักษะชีวิตและทักษะอาชีพใหม่ๆ… ยืดยุ่น เปิดกว้างและไม่หวั่นไหวจากเป้าหมาย… และบางอย่างที่สร้างภาระกระทบโอกาสใหม่ๆ ก็ต้องยอมตัดใจแม้จะเสียดายทุนแรงก็ตาม
ได้แบบนี้… ท่านเปลี่ยนได้แน่
อ้างอิง