การตามหากิจกรรมที่สร้างความพึงพอใจและความสุข ด้วยการค้นหาด้วย Good Times Journal จนเจอกิจกรรมที่เราทำแล้วลื่นไหล ลืมเวลา แถมปลาบปลื้มอิ่มเอมใจมากมาย… ซึ่งถ้านั่นเป็นกิจกรรมทำเงิน หรือเป็นอาชีพหลักอยู่แล้วก็คงไม่มีอะไรยาก!… เพราะในชีวิตจริงแล้ว กิจกรรมอะไรที่ทำเงินได้มากพอจนเป็นอาชีพได้ ไม่เคยมีเรื่องรื่นรมย์ให้เราท่านได้รู้สึกโชคดีขนาดนั้น
บทความนี้เป็นตอนต่อของซีรีย์ Designing Your Life ตอนที่ห้าต่อจาก Good Time Journal กับภาวะหลื่นไหลและอะไรที่ดูดพลังชีวิตเรา โดยยึดแนวทางและหลักคิดแบบ Design Thinking จากหนังสือ Designing Your Life ของ Bill Burnett และ Dave Evans ผู้สอนหลักสูตร Design Thinking ที่ Stanford D. School ด้วยการถอดบทเรียนและตีความแบบ Reder… อ่านจบแล้วถ้าชอบก็ช่วยแชร์แบ่งปันคนอื่นให้ด้วยครับ หรืออยากชี้แนะติเตือนประเด็นไหนอย่างไร ก็ยินดีน้อมรับผ่านกล่องความเห็นท้ายบทความหรือ DM ข้อความส่วนตัวมาใน Line: @reder ก็ได้ครับ
คนส่วนใหญ่เลือกทำงานและกิจกรรมที่เลี้ยงตัวได้ สร้างตัวได้และทำได้ด้วยความสามารถที่ตัวเองมีศักยภาพ… แต่เราก็จะได้เจอคนที่ทำงานไม่ตรงกับสายอาชีพหรือทักษะอาชีพที่ร่ำเรียนมาแต่เดิมบ่อยๆ… ซึ่งเหตุผลส่วนใหญ่ก็เพราะเป็นงานที่เลี้ยงตัวและสร้างฐานะได้… หรือไม่ก็เป็นงานที่ทำได้ในเวลานั้น… เมื่อเราเลือกงานนั้นๆ ทำต่อเนื่องไปนานๆ และอยู่กันจนกลายเป็นวิถีการงานอาชีพ ที่ทุกเช้าต้องตื่นมาทำกิจกรรมนั้น… วันแล้ววันเล่าจนกลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตเรา และเป็นเราในที่สุด
ที่น่าเศร้าคือ นานวันเข้า… มันเหนื่อยและเนือย จนหลายคนไม่อยากลุกไปทำงาน และชีวิตโหยหาอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่งานนี้ ณ ที่ตรงนี้… ซึ่งนั่นเป็นความรู้สึกแบบที่เรียกว่า “ติดกับดัก” เข้าไปเต็มๆ
และนี่คือเหตุผลที่คนเราจะต้องลุกมาออกแบบชีวิตตัวเองใหม่ เพื่อตามหาความสุขในชีวิตให้เจอ… ซึ่งไม่ได้แปลว่าจะต้องเปลี่ยนแปลงอะไรมากมายแบบต้องพลิกชีวิตก็ได้ เพราะโดยทั่วไปแล้ว เรารู้ว่าชีวิตตัวเองสุขและสนุกกับกิจกรรมแบบไหนหรือกับใคร ที่ไหนและอย่างไร… และเรารู้ว่ากิจกรรมไหนทำเงินสร้างรายได้ให้เราได้แบบไหนอย่างไร… ซึ่งเนื้อหาในตอนที่แล้ว ที่แนะนำให้ใช้ Good Time Journal ค้นหาคุณค่าของกิจกรรมที่ทำ จนได้รายการกิจกรรมมากมายออกมาดูอย่างจริงจังว่า กิจกรรมไหนให้อะไรเรา และกิจกรรมไหนเบียดเบียนอะไรเรา
พอถึงตรงนี้เราต้องเลือกกิจกรรมที่เราสนใจออกมาซักสองสามกิจกรรมเพื่อเริ่มสร้าง “แผนที่ความคิดหรือ Mind Mapping” เพื่อใช้กิจกรรมที่เราเลือกไว้ เพื่อพาเราออกจากกับดักและสร้างสมดุลย์ใหม่ให้ชีวิต
ผมใช้คำว่า ” สร้างสมดุลย์ใหม่” เพื่อจะบอกว่า… ชีวิตเรามีทางเลือกมากมายในการปรับเปลี่ยน ที่ภาพใหญ่ๆ อย่างเป้าหมายสุดท้ายกับสถานะปัจจุบัน กลายเป็นเรื่องลำบากที่จะหาทางต่อจุดหรือหาเส้นทางไปถึง
โดยสมดุลย์ใหม่ที่สร้างขึ้น… เราจะหาจากกิจกรรมที่ Engagement กับชีวิตเรา ด้วยพลังงานและทรัพยากรที่ไม่สิ้นเปลืองนี่แหละ แล้วมาเริ่มพิจารณาตัวแปรของกิจกรรมเหล่านี้ดูว่า จะมีองค์ประกอบและตัวแปรอะไรพาเราไปถึงไหนได้บ้าง ตัวอย่างเช่น ไปเที่ยวทะเลเป็นกิจกรรมที่ชอบและชิวสุดๆ… ก็จะได้ตัวแปรอย่าง ชายหาด คลื่น แดด อาหารทะเล และกิจกรรม สถานที่หรือคนอีกมากที่เขียนออกมาได้
ตัวอย่างการออกแบบ Mind Mapping ของ Grand ในหนังสือ Designing Your Life ด้วยการเลือกกิจกรรม Outdoors มาหนึ่งกิจกรรม โดยเขียนไว้ตรงกลางกระดาษ… ต่อจากนั้นก็หาตัวแปรเชื่อมโยงกับ Outdoors ซึ่งมีคำว่า Nature หรือธรรมชาติ… Travel หรือท่องเที่ยว… Hiking หรือปีนเขาเดินป่า… Camping หรือแคมป์ปิ้ง… Surfing หรือเล่นเซิร์ฟและแล่นใบ…
จากนั้นก็หาตัวแปรชั้นที่สาม… อย่างกรณี Travel ก็จะพาเราไปเจอยุโรป หรือเป็นที่อื่นๆ ที่เราอยากไป หรือที่เคยไปมาแล้ว… ซึ่งก็จะพาเราทะลุไปถึงปลายทางที่เราอยากไปอย่างชื่อเมือง… สถานที่ในเมืองนั้น… หรือแม้แต่กิจกรรมที่อยากไปสัมผัสที่ปลายทางแห่งนั้น… ซึ่งการท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนและเป็นโบนัสจากการทำงานมามาก กับการท่องเที่ยวเพื่อกลับไปไล่ล่าความฝันจะต่างกันอยู่พอสมควร… โดยเฉพาะอารมณ์ที่อยากไปเที่ยวเพื่อชาร์จพลังกลับมาสู้งาน กับการท่องเที่ยวแล้วอยากอยู่ที่นั่นและทุกข์เศร้ามากมายเมื่อคิดว่าต้องกลับไปเข้าวงจรชีวิตเดิมๆ
แน่นอนว่า… อะไรในชีวิตที่ทำให้เราไม่สนุก และเวลาส่วนใหญ่ในชีวิตถูกภาระและกิจกรรมแบบนั้นกลืนหายไปวันแล้ววันเล่า และเรายังต้องวนไปทำเรื่องเดิมๆ เหมือนกับว่าชีวิตมีสมอเรืออันใหญ่ปักตรึงให้เราขยับไปได้แค่รอบๆ สมอเรือที่ล่ามเราไว้
แต่หากการค้นหาบนแผนที่ความคิด นำทาง “การตัดสินใจบางอย่าง” ให้เรากล้าลองสร้างสมดุลย์ใหม่… อย่างกรณี การชอบไปเที่ยวป่าปีนเขา แต่ก็ต้องกลับมาเป็นนักวิเคราะห์สินเชื่อให้ธนาคารซึ่งเป็นงานประจำรับเงินเดือนอยู่… เราอาจจะมองหากลุ่มชอบท่องป่าปีนเขา Facebook และหาสินค้ามาขายในกลุ่มและหาทางขยับขยายให้เป็นแหล่งรายได้ที่สอง… ซึ่งก็น่าจะได้ออกทริปไปรีวิวสินค้า ที่ได้ทำสิ่งที่ชอบที่ประกอบสาระและความหวังใหม่ๆ เข้าไป… ที่แม้จะต้องกลับมาทำงานธนาคารในเช้าวันจันทร์เช่นเดิม แต่พลังในการกลับมาทำงานก็น่าจะดีขึ้น หรือที่ดีกว่านั้นคือขั้นถัดไป… อาจจะเปิดร้านออนไลน์ ขายอุปกรณ์แคมป์ปิ้งและเดินป่า เป็น Blogger เที่ยวป่า ตั้งเต็นท์ ปีนเขา ถ่ายรูป ที่อย่างน้อยที่สุด… ชีวิตจะต่างออกไปจากเดิมสู่สมดุลใหม่ที่มีกิจกรรมให้ตื่นเต้นและ Engage สม่ำเสมอจนกลายเป็นสมดุลย์ใหม่… ที่หมายถึง สามารถสร้างวงจรสมดุลย์ใหม่ถัดไปอีกได้เรื่อยๆ จนเจอโอกาสพาเราหลุดออกจากสมอเรือหลักเดิมที่ล่ามเราไว้แต่ต้น… ได้ง่ายขึ้น