ผมอยากพูดถึงสินค้า OTOP ในมิติทางการตลาดมานาน… แต่ผมก็มีประสบการณ์กับสินค้า OTOP ที่เกี่ยวกับมิติทางการตลาดแบบงงๆ จากความพยายามผลักดันสินค้า OTOP หลายกรณีที่บอกไม่ได้ว่า… ล้มเหลวหรือสำเร็จ
สินค้า OTOP มีหน่วยงานอย่างกรมพัฒนาชุมชนเป็นแกนในการผลักดัน ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา ภาพรวมของสินค้า OTOP และธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่น ดูดีมีตัวเลขและสถิติน่าสนใจมากจากข้อมูลที่เผยแพร่
แต่ภาพรวมของ OTOP 2562 ที่ผ่านมา เครือข่าย OTOP แถลงตัวเลขรายได้จากการขายสินค้า OTOP ของไทยปี 2562 หายไป 5-10% จากที่เคยทำได้ในปี 2561 ราวๆ 100,000 ล้านบาท…
ถ้ามองข้ามการรายงานตัวเลขสถิติ แต่บอกแบบคร่าวๆ… ยังไงก็ยังเห็นช่องโหว่มากมายที่สินค้า OTOP ยังมีการบ้านอีกมากของทุกฝ่ายที่โจทย์ในวันนี้… ยากและซับซ้อนกว่าในอดีตมากเหลือเกิน

ช่วงบ่ายของวันที่ 4 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา… หลังจากนักศึกษาปริญญาโทสาขาการตลาด วิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ทำการวิจัยในหัวข้อ “ถอดรหัสสูตรลับฉบับแบรนด์ไทย” โดยทำการศึกษา 3 ด้านด้วยแบบสอบถามออนไลน์ จำนวน 1,032 ราย เพื่อศึกษาการรับรู้สินค้าและกระบวนการตัดสินใจซื้อสินค้าไทยและสินค้าท้องถิ่น และมีการสัมภาษณ์เชิงลึกของผู้บริโภคแต่ละเจเนอเรชั่น ในเขตกรุงเทพมหานครจำนวน 30 ราย รวมทั้งการศึกษาจากกรณีศึกษาจากเจ้าของผู้ประกอบการแบรนด์ไทยอีก 20 แบรนด์… จึงได้จัดสัมนาและนำข้อมูลจากงานวิจัยมานำเสนอในงาน ถอดรหัสสูตรลับฉบับแบรนด์ไทย ณ ห้องประชุมชั้น 2 วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล ถนนวิภาวดีรังสิต
ต้องถือว่าเป็นงานสัมมนาระดับปริญญาโทที่แม้แต่หลักสูตรปริญญาเอกหลายๆ หลักสูตรในประเทศไทยก็ยังต้องอายที่ได้ Keynote Speaker ระดับอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศอย่างคุณอดุลย์ โชตินิสากรณ์เข้าร่วมงานสัมมนา… ผมไม่ได้เข้าร่วมงานหรอกครับ แต่ทราบว่าวันนั้นสื่อมวลชนไปกันไม่น้อย เพราะมีการแถลงข่าวการจัดงานล่วงหน้ามาตั้งแต่เดือนสิงหาคมอย่างมืออาชีพ… ที่อาจจะหาไม่ค่อยได้ในแวดวงการศึกษาที่ยังจัดการเรียนการสอนแบบยุคคลาสสิคอยู่
ข้อมูลจากงานสัมมนาที่รายงานโดยเวบไซต์ MarketingOops.com เรียบเรียงไว้อย่างน่าสนใจ… ผมแนบลิงค์ไว้ใต้อ้างอิงให้ท่านที่สนใจตามไปอ่านเพิ่มเติมได้ครับ
โดยข้อมูลทั้งหมดที่นำเสนอ… ยืนยันว่าสินค้า OTOP ไทยยังคงเก่งคิดและเก่งผลิต… มากกว่าจะเก่งหาลูกค้า ช่องทางการตลาดและแบรนด์ ที่เป็นความยั่งยืนของกิจการ…
โดยส่วนตัวผมเชื่อมาตลอดว่า… สินค้าท้องถิ่นและ OTOP เติบโตได้เทียบเท่าสินค้าอุตสาหกรรม ถ้าการตลาดเข้มแข็ง… แต่ผู้ประกอบการ OTOP ส่วนใหญ่ที่ผมได้สัมผัส… ยังหวังพึ่งการตลาดจากเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนที่ลงพื้นที่ช่วยพัฒนาและผลักดันสินค้า และใช้ความพยายามไปกับการสร้างสรรค์สินค้า แต่ละเลยช่องทางการขายและความต้องการของลูกค้า ที่เป็นปลายทางอย่างแท้จริง… และหลายกรณียังมองหาพ่อค้าคนกลางไม่ต่างโมเดลการเกษตรที่ขอให้มีคนกลางมาเหมาไปแบบไม่ขาดทุนก็สุขใจแล้ว
ส่วนข้อมูลจากงานสัมนาถอดรหัสสูตรลับฉบับแบรนด์ไทยชี้ชัดว่า… Customer Journey และปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ “สินค้าท้องถิ่น” ด้วยความที่ “สินค้าท้องถิ่น” เป็นสินค้าที่สะท้อนเอกลักษณ์ และภูมิปัญญาของท้องถิ่นนั้นๆ แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากนัก… เมื่อศึกษา “Customer Journey” จึงพบว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่รู้จักสินค้าท้องถิ่นจากการไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ หรือไม่ก็งานแสดงสินค้า
เมื่อทดลองซื้อมาใช้หรือบริโภค และเมื่อใช้แล้วหรือบริโภคแล้ว… รู้สึกพึงพอใจต่อสินค้าท้องถิ่นนั้นๆ อยากกลับไปซื้อซ้ำ แต่ปรากฏว่า… สินค้าหาซื้อไม่ได้ หรือแม้แต่จำชื่อแบรนด์ก็ไม่ได้… นั่นเท่ากับว่า สินค้าท้องถิ่นนั้นๆ พลาดโอกาสการขาย และการรักษาฐานลูกค้าไปแล้ว!
ซึ่งการตัดสินใจซื้อสินค้าท้องถิ่นและสินค้า OTOP ก็ไม่ได้มีอะไรสลับซับซ้อนมากไปกว่าเอกลักษณ์และภาพลักษณ์ที่ดึงดูด… โดยเอกลักษณ์หมายถึง ภูมิปัญญาและ Design อันเป็นกลไกฝั่งผลิตสินค้า… ในขณะที่ภาพลักษณ์จะหมายถึง แบรนด์และช่องทางการจำหน่ายที่เป็นฝั่งการตลาด
ประเด็นก็คือ… ต้องทำทั้งเอกลักษณ์และภาพลักษณ์ให้ครบและสมดุลครับจึงจะรอด… เพราะถ้าทำแค่ครึ่งใดครึ่งหนึ่ง หรือแม้แต่เอาครึ่งหนึ่งไปฝากใครทำให้ โอกาสที่จะเปลี่ยนจาก OTOP ไปสู่ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จคงแทบเป็นไปไม่ได้
ท่านที่ลงแรงไปกับ OTOP จนได้สินค้าดีๆ มาแล้ว… เดินต่อน๊ะครับท่านมาครึ่งทางแล้ว การตลาดไม่ใช่การมองหาพ่อค้าคนกลางหรือคนช่วยอย่างเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน… แต่ควรเป็นท่านที่ต้องลุกมาสร้างแบรนด์ เดินเข้าหาช่องทางการขายและลงทุนกับการพาสินค้าไปเจอลูกค้าด้วยตัวเอง… ถ้าท่านบอกไม่รู้ว่าจะทำยังไง?… ไลน์ @reder ยินดีพูดคุยกับทุกท่านที่ทำ OTOP ครับ!!!
อ้างอิง