ระหว่างวันที่ 8-9 พฤษจิกายนที่ผ่านมา มีนิทรรศการใหญ่ในวงการเภสัชกรรมชื่องาน การประชุมเภสัชกรรมแห่งขาติ ครั้งที่ 10 ที่ไบเทคบางนาครับ

หลังจบงานก็มีข่าวเผนแพร่เรื่องที่ คุณพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม คุยกับนักข่าวก่อนเข้าร่วมบรรยาย ความว่า… ช่วงนี้เป็นยุคเปลี่ยนที่เรียกว่านวัตกรรมที่เปลี่ยนไปของเทคโนโลยี ซึ่งคนที่ทำงานในเครือข่ายสายงานเภสัชต้องมีความตื่นตัว ในเรื่องที่จะรับรู้และนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เป็นประโยชน์กับสายอาชีพ และต้องเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิตอล… ทางกระทรวงจะนำเอา ทั้ง 5 จี และระบบ AI ดิจิตอลต่าง ๆ แพลตฟอร์ม บิ๊กดาต้า ของกระทรวงสาธารณสุข มาประสานงานและเดินหน้าไปด้วยกัน เช่น เรื่องการรับยาของหมอ ในกรณีที่ประชาชนต่างจังหวัดจะต้องรับยาอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องเดินทางมาที่โรงพยาบาลเพื่อรับยา ถ้ามีระบบที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันได้ โรงพยาบาล เภสัช คลีนิคต่างๆ สามารถจ่ายยาให้กับประชาชนได้เลย โดยไม่ต้องเดินทางมาที่โรงพยาบาล ลดค่าใช้จ่าย ลดเวลา ซึ่งต้องบูรณาการร่วมกับคมนาคม และการสื่อสารที่ทันสมัย เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ห่างไกล
ในฐานะคนที่คลุกคลีอยู่กับข้อมูลข่าวสารฝั่งเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพมานาน… HealthTech เป็นประเด็นที่หลายฝ่ายจับตาและพยายาม Disrupt มานานหลายปี… ซึ่งปัญหาอุปสรรคมีมากจนเล่าไม่ถูก เพราะไม่ว่าจะแตะมุมไหนของวงการสุขภาพสายดูแลรักษา… ก็ดูเหมือนจะมีแต่ปัญหาและปัญหาซ้ำซ้อน ที่แม้แต่คนวงในเองก็ส่ายหัวกับปัญหามากมายที่รอการพัฒนา… และ Disrupt จากใครซักคน… แต่ก็เข้าไม่ถึงแกนกลางปัญหาและ Pain Point จริงๆ เสียที
จนกระทั่ง “โครงการรับยาใกล้บ้าน” ที่ซุ่มพัฒนาระบบจนเข้าสู่การทดสอบระบบช่วงท้ายๆ จึงมีข่าวเล็ดรอดออกมาถึงความสำเร็จ พร้อมๆ กับการประกาศเป็นนโยบายรับยาใกล้บ้าน เพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาลและถนนไปโรงพยาบาลลง… โดยใช้โครงข่ายการสื่อสารและ Logistic รวมทั้งเทคโนโลยีที่เหมาะสมเข้ามาจัดการ ให้ทุกคนเข้าถึงยาจากจุดบริการใกล้บ้านขึ้น… โดยเฉพาะในรายที่ไม่ต้องพบแพทย์ ซึ่งผมเชื่อว่า… ระบบนี้สามารถต่อยอดเป็นแกนกลางของ Telemedical ที่มีอนาคตไกลทีเดียว
แปลกใจอยู่แต่ว่า… สือปืนไวอย่าง Line หรือ Grab ไม่อยากมาเติมช่องว่างส่งยาถึงบ้าน เหมือนส่งข้าวกล่องบ้างเหรอครับ… ถึงเงียบอยู่!!!