วันนี้ลอกการบ้านไทยรัฐออนไลน์ ว่าด้วยนโยบายสิ่งแวดล้อมของพรรคแกนนำการจัดตั้งรัฐบาลอย่างพรรคเพื่อไทย ซึ่งใครที่เคยติดตามการเสนอความคิดเห็นด้านสิ่งแวดล้อมในเวทีต่างๆ ของนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยจากพรรคเพื่อไทยอย่างนายกเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งได้รับโปรดเกล้าจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ไปหมาดๆ โดยก่อนหน้านั้นถือว่า… ความคิดเห็นด้านสิ่งแวดล้อมของท่าน เป็นความคิดเห็นด้านสิ่งแวดล้อมกระแสหนึ่งที่ถูกเสนอเป็นข่าวออนไลน์อย่างกว้างขวางตลอดหลายปีที่รัฐบาลทหารของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาบริหารประเทศมา… ซึ่งแฟนคลับนายกเศรษฐา ทวีสิน คงจะได้เห็นสิ่งที่ท่านเคยพูดไว้นานแล้ว มาปรากฏอยู่ในนโยบายสิ่งแวดล้อมของพรรคเพื่อไทย… ซึ่งสำนักข่าวไทยรัฐออนไลน์ ได้ทำข้อมูลพาย้อนดู “นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม” ของ “พรรคเพื่อไทย” โดยมีการเสนอ…
ทวงคืนอากาศสะอาด แก้ปัญหา PM 2.5 ที่ทุกต้นตอ… โดยหัวใจของการปราบฝุ่นคือ การผลักดัน พ.ร.บ. อากาศสะอาดเพื่อสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน สร้างความร่วมมือระหว่างทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงวางโครงสร้างให้พร้อมต่อการรับมือ เน้นที่การเจรจาระหว่างประเทศตัดปัญหาที่ต้นตอ
นอกจากนั้น… ยังเสนอแก้ไขปัญหาระยะสั้นทันที โดยหน่วยงานรัฐต้องแจ้งเตือนค่าฝุ่นล่วงหน้าให้ประชาชนวางแผนได้ กรณีฝุ่นสูงจะมีการอพยพกลุ่มเสี่ยงให้ไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย แบบเดียวกับที่รับมือกับภัยพิบัติอื่นๆ พร้อมทั้งแจกหน้ากากให้กลุ่มเปราะบาง รวมถึงสั่งหยุดโรงเรียนเพื่อลดความเสี่ยง… ระยะกลาง จะประสานกับกรมชลประทานให้ปล่อยน้ำเข้านาหลังฤดูเก็บเกี่ยวเพื่อเปลี่ยนตอข้าวให้เป็นปุ๋ย… สำหรับอ้อยจะประสานโรงงานน้ำตาลให้ลงทุนตัดอ้อยไถกลบแทนการเผา ควบคู่กันไปจะมีการปลูกต้นไม้เพื่อดักจับฝุ่น และ จูงใจให้คนหันมาใช้รถพลังงานสะอาด ด้วยมาตรการทางภาษี… และระยะยาว ต้องมีการบังคับใช้ พ.ร.บ. อากาศสะอาดเพื่อสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ให้ท้องถิ่นมีบทบาทในการจัดการปัญหาฝุ่น บังคับใช้กฎหมายกับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เจรจากับเพื่อนบ้านเพื่อร่วมกันยุติปัญหาฝุ่นทั้งในประเทศและข้ามพรมแดน รวมถึงพัฒนานวัตกรรมเครื่องมือเกษตร เก็บเกี่ยว และ ขุดกลบที่ไม่ต้องเผา เพื่อจัดการฝุ่นให้ถึงต้นตอ ซึ่งทั้งหมดสามารถสรุปเป็นแนวนโยบายได้ 3 หมวดหลัก กับ 17 มาตรการย่อย คือ
- เตรียมโครงสร้างพื้นฐาน… โดยระยะสั้นให้แจ้งเตือนเมื่อฝุ่นหนัก(1) แจกหน้ากากให้กลุ่มเปราะบาง(2)… ระยะกลางจะปลูกต้นไม้ช่วยฟอกอากาศ(3) และ ระยะยาวเสนอพัฒนาเครื่องมือการเกษตรเก็บเกี่ยวขุดกลบไร้เผา(4)
- ออกกฎหมายและมาตรการ… โดยระยะสั้นสั่งหยุดโรงเรียนเมื่อค่าฝุ่นสูง(5) ดับไฟป่าทั้งปี(6)… ระยะกลางออกกฎหมายควบคุมการสร้างมลพิษของไซต์ก่อสร้าง(7) ใช้ภาษีจูงใจให้เปลี่ยนมาใช้รถพลังงานสะอาด(8) ปรับเงินอุตสาหกรรมรายใหญ่ที่ก่อฝุ่น(9) และ ระยะยาว ผลักดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาดเพื่อสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน บูรณาการทุกภาคส่วน(10) และ เพิ่มบทบาทท้องถิ่น รวมทั้งออกแบบผังเมืองใหม่ เพื่อลดการจราจร(11)
- ประสานงานร่วมใจ… โดยระยะสั้นเสนอย้ายกลุ่มเสี่ยงไปยังศูนย์อพยพที่มีเครื่องฟอกอากาศ(12) ส่งกำลังและอุปกรณ์จากกองทัพ-มหาดไทยช่วยดับไฟ(13)… ระยะกลาง ให้กรมชลประทานปล่อยน้ำเข้านาหลังเก็บเกี่ยวข้าว ให้ตอข้าวเน่าเป็นปุ๋ย ไม่ต้องเผา(14) ประสานโรงงานน้ำตาลให้ลงทุนตัดอ้อยไถกลบแทนการเผา(15) และ ระยะยาวจะเดินหน้าเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน ช่วยกันหยุดฝุ่นข้ามพรมแดน(16) รวมทั้งตั้งคณะกรรมการครบทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดการเรื่องฝุ่นร่วมกัน(17)
นอกจากนั้น… ผู้สื่อข่าวไทยรัฐยังถอดความปาฐกถาของคุณชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ซึ่งขึ้นกล่าวเนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ.2566 ว่า… พรรคเพื่อไทย ขอยืนยันเจตนารมณ์ธำรงรักษาสิ่งแวดล้อมของประเทศ ขจัดมลพิษทั้งปวง ที่จะมีผลกระทบต่อสุขภาพ การทำมาหากิน คุณภาพชีวิต และเศรษฐกิจของพี่น้องประชาชนไทย ทั้งระยะสั้นและระยะยาว พร้อมแผนรับมือวิกฤติด้านสิ่งแวดล้อมที่กำลังจะเกิดขึ้น ดังตัวอย่าง “นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม” ที่ประกาศไปแล้วชัดเจน คือ
- น้ำจะไม่ท่วม ไม่แล้ง เตรียมการล่วงหน้ารองรับภัยเอลนีโญที่กำลังจะเกิดต่อเนื่อง ความร้อนที่ขยับสูงขึ้นในรอบ 4-5 ปีต่อไปนี้ เพื่อให้ประชาชนมีน้ำกินน้ำใช้ตลอดปี ในปริมาณและเวลาที่ต้องการ ด้วยนโยบายการจัดการน้ำทั้งระบบ
- คืนอากาศสะอาด คืนคุณภาพชีวิต คืนศักดิ์ศรีการดำรงอยู่ของคนไทย ด้วยนโยบายแก้วิกฤติ PM 2.5 ที่ต้นตอ ผนึกกำลังภาครัฐและเอกชน พร้อมสร้างข้อตกลงร่วม เจรจาระหว่างประเทศจัดการปัญหาร่วมกัน รวมทั้งผลักดันออกกฎหมายอากาศสะอาด
- สร้างพื้นที่สีเขียวคุณภาพ ฟื้นฟูระบบนิเวศ ด้วยนโยบายเร่งรัดออกโฉนด แก้กฎหมาย พิสูจน์สิทธิ จัดหาที่ทำกิน 50 ล้านไร่ ประชาชนอยู่ร่วมทำกินกับป่า ด้วยเงื่อนไขชัดเจนที่ต้องปลูกไม้ยืนต้นตามสัดส่วนที่กำหนด ซึ่งนอกจากเป็นผลประโยชน์โดยตรงต่อเกษตรกรแล้ว ยังดียิ่งต่อภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจการค้าระหว่างประเทศที่ต้องมีเงื่อนไขการรักษาสิ่งแวดล้อมเข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ มาตรการดังกล่าวนี้จึงเป็นรูปธรรม สู่ความเป็นไปได้ที่จะนำพาประเทศไทยเข้าสู่ภาวะ Carbon Neutral และ Net Zero ที่แท้จริง ทั้งยังสามารถขาย Carbon credit เสริมพลังทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน
- สำหรับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ ที่อาจเป็นอุปสรรคต่อเศรษฐกิจและการค้า จะถูกปฏิบัติไปตามทิศทางโลกที่ประเทศไทยเลี่ยงไม่ได้ โดยระบบต่างๆ ที่จะถูกสร้างขึ้นนั้น จะครอบคลุมกว้างขวาง และเป็นประโยชน์กับประชาชนทั้งประเทศ
โปรดติดตามผลงานด้วยกันครับ!
References…