ปี 2019 เป็นปีครบรอบ 50 ปีที่มนุษย์ไปเหยียบดวงจันทร์และกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย… ถ้าท่านอายุ 50 ปีในปีนี้ ผมเชื่อว่าตอนท่านเริ่มทำงานช่วงอายุยี่สิบต้นๆ คงไม่มีใครนึกถึง YouTube, Google, Facebook, Line หรือโทรศัพท์มือถือ ที่ปัจจุบัน หลายท่านนอกจากจะต้องพกมือถือแล้ว ยังต้องพกแบตเตอรี่สำรอง สายชาร์จ ปลั๊ก และหูฟัง ไปไหนมาไหนด้วยอีกต่างหาก
ความเปลี่ยนแปลงมากมายได้สร้างจังหว่ะการใช้ชิวิตใหม่ๆ ที่ผมมั่นใจว่า ไม่เคยมีใครได้ออกแบบชีวิตแบบนี้ให้เราท่านหรอก… แต่เป็นพวกเราเองที่เลือกเอาความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ผูกติดเข้ามาในชีวิตประจำวัน… และปรับตัวใช้ชีวิตร่วมกับข้าวของพะรุงพะรัง ที่เราเต็มใจพกไปไหนมาไหนด้วยตลอดเวลา
…แม้แต่เข้าห้องน้ำก็ไม่เว้น
เมื่อไม่นานมานี้ผมมีโอกาสได้อ่านหนังสือชื่อ Design Your Life เขียนโดย Bill Burnett & Dave Evans เป็นเล่มแปลภาษาไทยที่คุณ เมย์ ศรีพัฒนาสกุล แปลไว้… ที่จริง ก่อนหน้านั้น ผมมีฉบับที่เป็น E-Book และพยายามอ่านมาพักใหญ่ ไม่ยอมก้าวหน้า พอมีโอกาสได้ไปร้านหนังสือใกล้บ้าน ก็เลยหยิบมาแบบไม่ต้องคิด และอ่านจบไปแล้วหนึ่งรอบ และกำลังอ่านซ้ำอีกรอบเพื่อเป้าหมายบางอย่างที่อาจจะเอามาเล่าแบ่งทุกท่านในโอกาสหน้า
ประเด็นที่จะพูดวันนี้เป็นเรื่อง Design Thinking ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในวงการธุรกิจปัจจุบัน… ตั้งแต่ผมได้อ่านเล่มต้นฉบับ ภาษาอังกฤษ ก็เห็นด้วยกับทุกท่านที่คลั่งไคล้ Design Thinking จนผมต้องไปหาเล่มแปลมาอ่านจริงจัง เพราะทราบมาว่า… ผู้แปลอย่างคุณเมย์ ศรีพัฒนาสกุล เป็นลูกศิษย์ของ Bill Burnett & Dave Evans ที่ Stanford D.School เสียด้วย… ส่วนโฟล์ไฟล์อื่นๆ ของคุณเมย์ก็ไม่ใช่ธรรมดา ท่านที่สนใจลองเอาชื่อไปค้นดูจาก Google ได้เลยครับ
กลับมาที่ Design Thinking… โดยวัตถุประสงค์และเนื้อแท้ของ Design Thinking ในมุมของผม… ย้ำน๊ะครับว่ามุมมองส่วนตัวของผม… ผมถือว่าเป็น Mindset เพื่อการเข้าถึงผู้อื่นที่เรียกว่า Empathy นั่นเอง… เมื่อเข้าถึงอย่างแท้จริงแล้ว ก็นำข้อมูลที่ได้จากขบวน Empatize มาทำขบวนการ Ideate แล้วค่อยรวบรวมไอเดียมากมาย ไปทำอะไรซักอย่าง ที่จะทำให้อะไรๆ ดีขึ้นกว่าเดิม
จากการค้นคว้าเพิ่มเติมเรื่อง Design Thinking ที่ว่ามา… ส่วนใหญ่แล้วมักจะถูกนำไปใช้เพื่อค้นหาและสร้างนวัตกรรมครับ!
จึงไม่น่าแปลกใจที่องค์กรธุรกิจ และผู้นำธุรกิจระดับ C Level หรือพวกตำแหน่งที่ขึ้นต้นด้วยตัวซีอย่าง CEO, CFO, COO ทั้งหลาย จะคลั่งไคล้การนำ Design Thinking เข้ามาปรับใช้กับธุรกิจตัวเองกันอย่างคึกคัก… ต้องบอกว่ากระแส คึกคักจริงๆ ครับ
แต่วันนี้ขออนุญาต… ลักจำบางส่วนของ Design Thinking… โดยเฉพาะเครื่องมือทำความรู้จักตัวเองบางชิ้น มาใช้เพื่อออกแบบชีวิตเราท่านด้วยกัน
…มาลองคิดเล่นๆ ไปด้วยกันครับ!
ผม Download เอกสาร PDF มาจากเวบไซต์ http://designingyour.life ของโปรเฟสเซอร์ทั้งสอง ทุกท่านสามารถ คลิกไปดาวน์โหลดจากตรงนี้ได้เลยครับ
เอกสารจะมีหน้าตาเหมือนในรูปข้างบน เพื่อให้ท่านได้เขียนกิจกรรมที่ท่านทำแต่ละวันลงไป แล้วลองให้คะแนนบนเกจ์วัดระดับ Engagement ที่หมายถึง ท่านสนุก มีสมาธิ รู้สึกดีและดำดิ่งแค่ไหนกับกิจกรรมนั้น… ตรงเชคบ๊อกเล็กๆ ที่เขียนว่า Flow เอาไว้ให้ติ๊กเพิ่มถ้าท่าน Engaged ได้ลื่นไหลจนลืมเวลา… อะไรประมาณนี้

ส่วนเกจ์วัด Energy เอาไว้ให้ท่าน ให้ระดับความกระปรี้กระเป่า กับกิจกรรมที่ว่า… ขอเป็นความคึกคัก กระปรี้กระเป่าด้านบวกน๊ะครับ… ประเภทคึกคักจะได้ด่ากับข้างบ้าน! แบบนี้ไม่ใช่น๊ะครับ!!!
ลองเขียนออกมาครับ… ถ้าท่านพิมพ์ต้นฉบับออกมาแล้วเอาปากกาไฮไลท์ หรือดินสอสีระบายเกจ์วัดระดับ… ท่านจะแปลกใจหลายเรื่องมาก… ต้องลองทำดูครับ
…ที่จริงในหนังสือก็มีคำแนะนำเอาไว้ค่อนข้างละเอียด สำหรับท่านที่ต้องการทำตามคำแนะนำของต้นฉบับ… ลองหาหนังสือมาอ่านและศึกษาได้ด้วยตัวเอง ในหนังสือมีแบบฝึกหัดเยอะแยะ… ตอนอ่านรอบสอง ผมทำทัศนส่วนตัวให้ว่างแบบแก้วเปล่า แล้วทำแบบฝึกหัดไปตามคำแนะนำ พยายามคิดตามคำแนะนำ… ผมเจออะไรใหม่ๆ ในตัวเองเพียบเลยครับ
ยิ่งถ้าท่านเครียดและไม่มีความสุขเท่าไหร่… ผมแนะนำให้ท่านรีบทำดูได้ครับ มีหลายคนที่ผมแนะนำ เอา Good Time Journal มาพล๊อตดูตัวเองทั้งเดือน ตั้งแต่เงินเดือนออกจนถึงเงินเดือนออกอีกรอบ… เกจ์วัดกิจกรรมเรื่องเดียวกัน ในช่วงเวลาที่ต่างกัน ส่วนใหญ่มีระดับไม่เท่ากันอย่างมีนัยยะสำคัญ
แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ… การเสียเวลาทำ Good Time Journal ส่วนตัวแบบนี้ จะทำให้ท่านค้นพบ ทุกข์สุขในวังวนตัวเองที่ค่อนข้างชัดเจน… และผมเชื่อว่า ท่านจะทราบได้เองว่า ท่านควรจะโฟกัสกิจกรรมแบบไหนเพื่ออะไร?
ผมไม่ได้บอกท่านว่า… ทำ Good Time Journal แล้ว ค้นเจอกิจกรรมที่ทำให้เราแย่และไม่มีความสุข ก็ไม่ต้องทำ ไม่ต้องสนใจ… ไม่ใช่แบบนั้นน๊ะครับ!!!
ผมเชื่ออย่างสุดใจว่า กิจกรรมที่ทำอยู่ของทุกคน มีที่มาที่ไปที่ต้องเป็นและต้องทำแบบนั้นเสมอ… แต่การค้นพบระดับความแย่ในชีวิตประจำวันของท่าน จะทำให้ท่านเข้าใจมากขึ้น และปรับตัวกับเรื่องแย่ๆ ที่ว่า อย่างเข้าใจมากขึ้น… ถ้าพัฒนาไปไกลถึงขั้นหลีกเลี่ยงแก้ไขได้ ก็ยิ่งดี… แต่ถ้าเปลี่ยนอะไรไม่ได้ ผมเชื่อว่าท่านน่าจะเจอกิจกรรมที่ทำให้ท่าน อินสุดๆ ไม่สดุดอะไรเลยอยู่บ้าง… ก็แค่ พยายามหาทางเพิ่มกิจกรรมแบบนั้นให้ตัวเองเยอะขึ้น อาจจะชดเชยกลับมาก็ได้ไม่มากก็น้อย
มีน้องท่านหนึ่งค้นพบว่า… ตัวเองมีพลังและสนุกกับการทำกับข้าวมาก แต่เซ็งสุดๆ ตอนล้างทำความสะอาดหม้อชามจานช้อน… จนกลายเป็นคนไม่ทำกับข้าว ทั้งที่ทุกครั้งที่ทำ สมาชิกในครอบครัวดีใจ อิ่มอร่อยและมีความสุขกันมาก… สุดท้ายน้องท่านนี้กลับมาทำกับข้าว จ้างแม่บ้านมาช่วยงานที่ตัวเองไม่มีความสุขที่จะทำ และกำลังทดลองรับออเดอร์ส่งอาหารตามสั่ง โดยเชื่อมกับแพล็ตฟอร์มส่งอาหารสองเจ้า… และกำลังวางแผนออกจากงานเพื่อโฟกัสธุรกิจใหม่ที่เธอตื่นเต้นมากเวลาเล่าให้ผมฟัง
ลองฝึกดูน๊ะครับ… อ่อถ้าท่านใช้ Facebook อย่าลืมแวะไปติดตามกันที่ Page @reder.page กันด้วยน๊ะครับ… ส่วนท่านที่ใช้ Line อย่าลืม Add @reder เป็นเพื่อนไว้ครับ
สำหรับผม… ตอนเห็นจำนวนเพื่อนใน Line กับจำนวน Like ใน Facebook… เกจ์วัดงานเขียนของผม ขึ้นสุดทั้ง Engagement และ Energy เลยครับ!
ได้โปรด!
อ้างอิง