ความอดทนอดกลั้นโดยจารีตและคำสอนถือว่าเป็นพฤติกรรมพึงประสงค์ที่คนๆ หนึ่งควรจะมีไว้เป็นภูมิต้านทาน “แรงกดดันด้านลบหรือด้านร้าย” ที่เกิดขึ้นกับความคิดจิตใจหรือผลประโยชน์ที่ควรและที่คาดว่าจะได้รับ แต่ถ้าความอดทนอดกั้นถึงขีดที่ต้อง “จำทนหรือฝืนกลั้น” อันเกิดจากปัจจัยกดดันด้านลบ ได้เปลี่ยนเป็นด้านร้ายต่อความคิดจิตใจและผลประโยชน์ซ้ำซาก… มนุษย์มักจะมีปฏิกิริยาตอบโต้จากกลไกการปกป้องตัวเองในสองลักษณะที่แตกต่างกันได้สุดขั้ว
วิธีแรกคือไม่ทนและมักจะตอบโต้เอากับต้นตอและสาเหตุของแรงกดดัน เพื่อปกป้องความคิดจิตใจหรือผลประโยชน์ของตนให้ได้มากที่สุด… ส่วนอีกวิธีหนึ่งก็จะ “อดกลั้นและฝืนทน” ต่อแรงกดดันด้านเลวร้ายที่จัดการต้นตอและสาเหตุไม่ได้ทั้งหมดนั้น… แม้ความคิดและจิตใจจะย่ำแย่แค่ไหนก็ตาม
ประเด็นก็คือ โครงสร้างบุคลิกภาพของคนเรามักจะเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ซึ่งตัวตนของเรา หรือ Ego ก็จะมีกรอบความเชื่อซึ่งยึดโยงอยู่กับ Id หรือ อิด หรือ สัญชาตญาณดิบ และ พฤติกรรมตัวตนที่พัฒนาจากการอบรมเลี้ยงดูสั่งสอนและจารีตบรรทัดฐานทางสังคม หรือ Superego… ซึ่งบางครั้งสำหรับบางคนจะยอมยกมือไหว้คนที่เกลียดตามมารยาท อันเป็น Superego ที่สังคมกรอบและสอนสั่งกันมา… แต่บางครั้งก็จะเห็นพฤติกรรมหยิบอาหารของคนอื่นจากตู้เย็นที่ทำงานมากินโดยไม่ขอ ซึ่งได้ทำไปโดยสัญชาตญาณดิบ หรือ Id
การใช้ Id ซึ่งมีทั้งราคะ โลภะและโทสะปนๆ กันอยู่เพื่อโต้ตอบแรงกดดัน ซึ่งมักจะตอบโต้ตอบกับต้นตอและสาเหตุของแรงกดดันอย่างสาสมเพื่อให้แน่ใจว่า ตนเองได้ปกป้องความคิดจิตใจผลประโยชน์เอาไว้ได้… อย่างน้อยก็ “ปกป้องได้” ในความคิดและทัศนคติส่วนตนนั่นเอง… แต่ในหลายกรณี การฝืนทนต่อแรงกดดันด้านลบ รวมทั้งฝืนทนต่อต้นตอและสาเหตุของแรงกดดันมากมายจนเข้าขั้น “ฝืน” นั้น… ในทางจิตวิทยาก็ถือว่าเป็นการปกป้องความคิดจิตใจและผลประโยชน์เอาไว้ให้ตนเองเช่นกัน โดยเฉพาะความคิดและทัศนคติส่วนตัวที่อธิบายกับตัวเองไม่ต่างจากการใช้ Id ตอบโต้
ในทางเทคนิค… การเก็บกดเป็นการใช้ “กลไกการลืม” อย่างจงใจของเจ้าตัว ซึ่งมักจะยอม หรือ ยินยอมให้ “แรงกดดันด้านลบ” ได้ผ่านไปเพื่อตัวเองจะได้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ว่าจะถูกเอาเปรียบ ถูกแกล้ง ถูกทำร้าย รวมทั้ง “รู้สึกถูกกระทำจากภายนอก” แค่ไหนอย่างไรก็ตาม…
ปัญหาก็คือ… การลืมแบบเก็บกดจะใช้กลไกการย้ายอารมณ์ความรู้สึกที่ได้รับจากแรงกดดันไปเก็บไว้กับจิตใต้สำนึก หรือ Unconscious ซึ่งมี Id หรือสัญชาตญาณดิบเป็นเพื่อนบ้าน… นั่นแปลว่า เมื่อถูกกระตุ้นให้นึกย้อนเหตุการณ์เดิมนั้นเมื่อใด หรือ เจอแรงกดดันรูปแบบเดิมซ้ำอีกเมื่อใด… ความรู้สึก “อัดอั้นเจ็บปวด” เท่าเดิมหรือมากกว่าเดิมในกรณีที่เป็นแรงกดดันซ้ำซาก ก็มักจะวนกลับมาให้รู้สึกอัดอั้นและถูกกระทำอีกครั้ง
ที่สำคัญก็คือ… คนที่มีเรื่องเก็บกดสะสมอยู่ในจิตใต้สำนึก มักจะถูก “แรงกดดันด้านลบ หรือ แรงกระทำด้านร้าย” ก่อการเปลี่ยนแปลงให้ร่างกายและจิตใจจนอาจจะสังเกตุเห็นได้จากภายนอก… ซึ่งมักจะเป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางลบต่อร่างกายและจิตใจของคนๆ นั้นเป็นส่วนใหญ่ และ หลายกรณีนำไปสู่การเจ็บป่วยทางจิตใจและร่างกายจนถึงขั้นต้องเยียวยาก็มี
คำอธิบายเปรียบเปรยความร้ายกาจของการเก็บกดโดยนักจิตวิทยานามอุโฆษอย่าง Sigmund Freud ในขณะบรรยายในห้องๆ หนึ่งชี้ว่า…สมมติว่าทุกท่านที่เป็นผู้ฟังในห้องนี้ส่วนใหญ่เงียบสงบ และ มีความตั้งใจดี แต่ก็เกิดมีคนๆ หนึ่งในห้องนี้ก่อการรบกวนขึ้นมา หัวเราะอย่างเสียมารยาท พูดคุยเสียงดัง จนทำให้ความตั้งอกตั้งใจของข้าพเจ้าไขว่เขวไป ไม่อาจจะบรรยายต่อไปได้ในสภาพถูกรบกวนแบบนั้น ผู้ฟังหลายคนในห้องจึงลุกขึ้นจัดการกับคนเสียมารยาท และ ไล่คนผู้นั้นออกไปจากห้องนี้เสีย ข้าพเจ้าจึงสามารถบรรยายต่อไปได้โดยไม่ถูกรบกวน… ห้องบรรยายนี้จะเหมือนจิตใจ คนเสียมารยาทที่ถูกขับออกไปอยู่นอกห้องจะเหมือนเป็นแรงกดดันที่รบกวนจิตใจ… หากสามารถกำจัดสิ่งรบกวนนั้นได้ แค่เพียงขับไล่ครั้งเดียวก็หายไปเลยก็จะเป็นเพียงการลืมแบบธรรมดาซึ่งมักไม่เป็นปัญหา… แต่ถ้าการขับไล่ หรือ ปิดกั้น แรงกดดันออกไปจากจิตใจ หรือ จิตสำนึก หรือ Conscious ได้แล้ว แต่แรงกดดันนั้นยังวนกลับมารบกวน… ไม่ต่างจากคนเสียมารยาทที่ถูกขับไล่ออกจากห้องไปแล้ว ยังกลับมาเคาะประตูขอเข้ามาฟังบรรยายต่อ แม้ล็อคประตูก็ยังทุบเคาะหรือพยายามพังเข้ามาให้ได้… เหมือนแรงกดดันเดิมที่ไม่ได้หายไปไหน เพียงแค่จิตใจขณะนั้นแก้ปัญหาโดยกวาดไปเก็บไว้ใน “จิตใต้สำนึก หรือ Unconscious” เหมือนการขับไล่คนเสียมารยาทออกไปนอกห้องแล้วก็พยายามดำเนินกิจกรรมต่อจากนั้นไปเหมือนไม่มีสิ่งรบกวน… ซึ่งโดยเนื้อแท้ของแรงดกดันที่ถูกเก็บกดไว้ มักไม่เคยจบลงง่ายๆ โดยไม่วนกลับมารบกวนซ้ำซากนัก
แรงกดดันที่ถูกเก็บและสะสมอยู่ในจิตใต้สำนึก หรือ Unconscious ใกล้กับ สัญชาตญาณดิบ หรือ Id ซึ่งการอบรมเลี้ยงดู กับ บรรทัดฐานทางสังคม หรือ Superego ไม่สามารถควบคุมได้… โดยเฉพาะเมื่อ Ego หรือ ตัวตนเลือกใช้ “แรงเก็บกด” ไปกระตุ้นสัญชาตญาณดิบอย่างจงใจเพื่อตอบโต้เอาคืน…
ถ้ามาเกิดกับคนข้างๆ ก็ตัวใครตัวมันหละครับพี่น้อง!
References…