Silver Economy

Silver Economy

การขยายตัวและเพิ่มขึ้นของกลุ่มคนสูงอายุทั่วโลก จะทำให้ผู้สูงอายุกลายเป็น Generation ที่ทรงอิทธิพลทางเศรษฐกิจภายใน 10 ปีนับจากนี้… พร้อมกับนิยามเดิมๆ ของผู้สูงวัย จะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป

ถ้าท่านติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างแท้จริงก็จะบอกได้ว่า… ในทุกๆ สังคมชาติจะมีผู้สูงวัย โลดแล่นเป็นกลุ่มคนที่ควบคุมศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคมอยู่ทุกที่ ส่วนที่เหลือก็เป็นกลุ่มคนที่ส่วนใหญ่มีทรัพย์สินและกำลังซื้อ ทั้งที่มาจากการทำมาหากินสะสมมาตั้งแต่วัยหนุ่มสาว หรือแม้แต่กำลังซื้อจากลูกหลาน Generation ถัดมา ที่คนรุ่นนี้ฟูมฟักเติบโตตามมา

นับจากนี้ไป… เราท่านจะได้ยินคำว่า เศรษฐกิจสูงวัย หรือ Silver Economy และ เศรษฐกิจอายุวัฒน์ หรือ Longevity Economy มากขึ้นเรื่อยๆ ที่หลายอย่างในโครงสร้างเศรษฐกิจทั้งระดับมหภาคและจุลภาค จะต้องปรับให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผู้คนในสังคม

รายงานวิจัยหัวข้อ Getting Older – Our Aging World จาก Ipsos บริษัทสำรวจและวิจัยทางการตลาดจากฝรั่งเศส เสนอข้อมูลคาดการณ์ว่า ระหว่างปี 1980 – 2050 ผู้สูงวัยจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างน้อยหนึ่งเท่าตัว โดยในปี 2050 โลกจะมีจำนวนผู้สูงวัยที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มากกว่า 2.1 พันล้านคน นั่นแปลว่า… 30 ปีต่อจากนี้ เราจะมีจำนวนผู้สูงวัยมากกว่าคนหนุ่มสาวเป็นครั้งแรก โดย 1 ใน 5 ของประชากรโลกในปี 2050 จะเป็นผู้สูงวัย และนับว่าเป็นครั้งแรกที่ผู้สูงอายุจะครองเมืองในทุกพื้นที่ของโลก

ประเด็นก็คือ… แม้จำนวนผู้สูงวัยสะสมจะเพิ่มสูงขึ้น แต่นิยามและไลฟ์สไตล์ของผู้สูงอายุจะเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก… ต่อไปนี้เป็นข้อมูลจากงานวิจัยที่สัมภาษณ์จากผู้สูงวัยยุค Disruption โดยตรง

เริ่มกันที่ทัศนคติว่าด้วยคำว่า “แก่” ก่อนเลย… เกณฑ์อายุที่ถือว่าแก่ จะไม่เท่ากันในแต่ละประเทศ… ซึ่งการใช้อายุเป็นเกณฑ์ อาจจะทำให้ความเข้าใจต่อผู้สูงวัยคลาดเคลื่อน เป็นผลมาจากยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมที่กำหนดอายุคนทำงานไว้ที่ 60 ปีคือแก่และต้องหยุดทำงาน… ชาวสเปนมองว่าผู้สูงวัยเริ่มต้นที่อายุ 70 ในขณะที่คนซาอุดิอาระเบียระบุว่า อายุ 49 ปีก็แก่แล้ว… และคนไทยในประเทศไทยมองว่า อายุ 60 ปีถือว่าเริ่มต้นเป็นผู้สูงวัย… ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลกที่ 66 ปีถึงสิบเปอร์เซ็นต์

ประเด็นก็คือ… อย่าใช้อายุชี้วัดตัวตน แต่ให้ใช้ “ไลฟ์สไตล์” และ “ความต้องการที่แท้จริง” ซึ่งการกำหนดผู้สูงวัยจากตัวเลขอายุและภาพจำเดิมๆ ที่ว่า… ผู้สูงวัยไม่สนใจเทคโนโลยี ไม่ชอบเรียนรู้ และไม่ชอบสิ่งใหม่ๆ ถือว่าเข้าใจผู้สูงอายุผิดหมดทั้งโลกทีเดียว

ข้อมูลจากงานวิจัยชี้ชัดว่า… ผู้สูงอายุใช้อินเทอร์เน็ตและเป็นนักช้อปออนไลน์ตัวยง แถมยังใช้เทคโนโลยีไม่น้อยไปกว่าคน Millennials

ข้อมูล Insights ของผู้สูงอายุวัย 65 ปีในประเทศฝรั่งเศสชี้ว่า มีผู้สูงอายุถึง 70% ชอบลองอะไรใหม่ และมี 60% รู้สึกว่าตัวเองเด็กกว่าอายุ ซึ่งการรู้สึกว่าตัวเองเด็กกว่าอายุจริง เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุทั่วโลก รวมทั้งไทย

ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือ… ผู้สูงวัยมีอำนาจทางการเงิน และเป็นโอกาสใหม่ที่ต้องรีบ…อันเนื่องมาจากความต้องการของผู้สูงวัยที่เพิ่มขึ้นและเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน ตลาดผู้สูงวัยได้เพิ่มความซับซ้อนละมีมูลค่าสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว…

ในประเทศอังกฤษเม็ดเงิน 320,000  ล้านปอนด์คิดเป็น 47% ของมูลค่าตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งหมด มาจากกลุ่มผู้สูงอายุ… ในฝรั่งเศสผู้สูงวัยมีเงินที่เตรียมไว้ใช้ท่องเที่ยวถึง 22,000 ล้านยูโร… ส่วนในญี่ปุ่นเองผู้สูงอายุยังเป็นเจ้าของทรัพย์สินถึง 1.439 พันล้านล้านเยน ซึ่งนับเป็น 80% ของตลาดการเงินการลงทุนทั้งหมด

ผู้สูงอายุในสหรัฐอเมริกา… เป็นผู้ประกอบการธุรกิจ กลุ่มที่เรียกว่า Entrepreneurial Longevity มากขึ้นตามรายงาน… ซึ่งในสหรัฐอเมริกาประเทศเดียว มีผู้สูงวัยเริ่มต้นเป็นเจ้าของกิจการมากขึ้น 23% ในปี 2012 และการใช้จ่ายของผู้สูงอายุ 50 ปีขึ้นไปในสหรัฐอเมริกา ใช้จ่ายไปกับการศึกษามากที่สุด สะท้อนให้เห็นว่าคนสูงวัย ยังคงต้องการเรียนรู้เสมอ

ส่วนไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมการใช้จ่ายเงินของผู้สูงวัยชาวไทยที่น่าสนใจจากการสำรวจวิจัยพบว่า

  1. 56% ออกกำลังกายทั้งในสวนสาธารณะและฟิตเนสเซ็นเตอร์
  2. 49% เดินทางท่องเที่ยว
  3. 34% เพาะปลูก
  4. 27% เยี่ยมญาติและมิตรสหาย (การเดินทาง)
  5. 22% ร่วมกิจกรรมในชุมชน
  6. 20% ช้อปปิ้ง
  7. 12% เรียนรู้สิ่งใหม่
  8. 10% เป็นอาสาสมัคร
  9. 7% ใช้ Social Media
  10. 7% เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ
  11. 5% เลี้ยงสัตว์
  12. 5% เรียนคอร์สออนไลน์

ส่วนความต้องการผู้สูงวัยไทย… ได้แก่

  1. 41% ต้องการความสงบ
  2. 31% ต้องการใช้เวลาไปกับงานอดิเรกและพักผ่อน
  3. 30% ต้องการใช้เวลากับเพื่อนและครอบครัว
  4. 24% ต้องการหาประสบการณ์ใหม่ๆ
  5. 24% ต้องการใช้เวลาท่องเที่ยว
  6. 22% ต้องการดูแลบ้านและทำสวน
  7. 20% ต้องการใช้ชีวิตแบบ Slow life
  8. 16% ต้องการมีความมั่นคงทางการเงิน
  9. 15% ต้องการลดความกดดันในชีวิต
  10. 15% อยากมีความจำดี
  11. 14% ต้องการช่วยเหลือผู้อื่น
  12. 11% อยากมีเวลามากขึ้นกับชุมชนท้องถิ่น

และความต้องการของผู้สูงอายุทั่วโลก… ได้แก่

  1. 36% ต้องการใช้เวลากับเพื่อนและครอบครัว
  2. 32% ต้องการเวลาทำงานอดิเรก
  3. 26% ต้องการท่องเที่ยวหรือพักผ่อน
  4. 26% ต้องการเลิกทำงาน
  5. 20% ต้องการมีความมั่นคงทางการเงิน
  6. 20% ใช้ชีวิตแบบ Slow life
  7. 17% ต้องการลดความกดดันในชีวิต
  8. 14% ต้องการฉลาดขึ้น
  9. 13% ต้องการความสงบในชีวิต
  10. 11% มีเวลาดูแลบ้านและทำสวน

ประเด็นเรื่องวิตกกังวลมากสุด… สิ่งที่ผู้สูงอายุทั่วโลกวิตกกังวลมากที่สุด คือ  เรื่องเงินและสุขภาพ และสิ่งที่ผู้สูงอายุชาวไทยมีความกังวลใจซึ่งก็มีความใกล้เคียงกัน… สามารถแยกรายละเอียดได้ว่า…

  1. 30% กลัวมีเงินไม่พอต่อการดำรงชีวิต
  2. 25% กลัวมีปัญหาการเคลื่อนไหวทางร่างกาย
  3. 24% กลัวสูญเสียความทรงจำ
  4. 22% กลัวจะไม่สามารถทำสิ่งต่างๆ ที่เคยทำได้
  5. 20% กลัวการจากไปของคนในครอบครัว  ญาติ และเพื่อนฝูง
  6. 20% กลัวความเจ็บป่วย
  7. 19% กลัวถูกทิ้งให้เหงา เศร้า
  8. 18% กลัวไม่มีอิสระ
  9. 16% กลัวตาย
  10. 13% กลัวหูตึงและมองไม่เห็น

ที่จริงข้อมูลจากงานวิจัยมีค่อนข้างละเอียด แต่ผมคัดมาหยาบๆ เพียงไม่กี่ประเด็นพอให้เห็นว่า… ภาพเกี่ยวกับผู้สูงอายุนับจากนี้จะเปลี่ยนไปมากกว่าแต่ก่อน… โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่เข้ามาเติมช่องว่าง และทำลายข้อจำกัดและความกังวลของคนแก่อีกมาก… ซึ่งผมคิดว่า น่าจะสร้างการเปลี่ยนแปลงอะไรต่อมิอะไรที่ความเชื่อเดิมๆ จะใช้ไม่ได้อีก

ส่วนอีกด้านหนึ่ง… เราน่าจะมี GAP สำหรับค้นหาโมเดลธุรกิจใหม่ๆ ท้าทายอยู่มากทีเดียวครับ

อ้างอิง

  • https://www.ipsos.com/sites/default/files/ct/news/documents/2019-02/thinks_theperennials.pdf
Facebook
Twitter
LinkedIn
Pinterest
Tumblr

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts