ก่อนจะเกิดวิกฤตโควิด… กระแสการปฏิรูปห้องเรียนในสถานศึกษาที่มีงบประมาณพอ และ ครูอาจารย์ใช้ PowerPoint และ สื่อมัลติมีเดียอื่นๆ ประกอบการสอนอยู่เดิม ต่างก็สนใจอุปกรณ์เพื่อ Upgrade ห้องเรียนธรรมดาให้กลายเป็นห้องเรียนอัจฉริยะ หรือ Smart Classroom ซึ่งต้องจัดอุปกรณ์และสภาพแวดล้อมในชั้นเรียนให้เข้าองค์ประกอบทั้ง 5 ของ Smart Classroom ได้แก่
- S : Showing… มีเทคโนโลยีการนำเสนอเนื้อหาการสอนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพสำหรับผู้สอน เช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องฉายโปรเจ็คเตอร์ และซอฟแวร์จำเป็นต่างๆ
- M : Manageable… มีระบบการบริหารจัดการสื่อการศึกษา วัสดุอุปกรณ์ รวมถึงสภาพแวดล้อมภายในห้องเรียนที่จำเป็นต่อการเรียนการสอนได้อย่างเหมาะสม เช่น คอมพิวเตอร์สำหรับผู้เรียน ระบบอินเทอร์เน็ต
- A : Accessible… สามารถเข้าถึงสื่อและแหล่งข้อมูลความรู้ต่างๆ จากห้องเรียนได้ทั้ง eBook และสื่อมัลติมีเดียประกอบบทเรียน รวมทั้งคอนเทนต์การสอนย้อนหลัง
- R : Real-time Interactive… ผู้สอนและผู้เรียนสามารถสร้างปฏิสัมพันธ์ผ่านเทคโนโลยีภายในห้องเรียนได้
- T : Testing… มีบททดสอบที่สามารถวัดระดับความรู้ความเข้าใจของผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อมูลการสำรวจความต้องการ Devices และ ขนาดของตลาด Smart Classroom จาก TechNavio พบการเติบโตเฉลี่ย 11% ทุกปีมาตั้งแต่ปี 2018 ซึ่งคาดว่าจะโตต่อเนื่องไปจนถึงปี 2022 ด้วยมูลค่ารวมทั้งโลก 32,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยตลาดสหรัฐอเมริการคิดเป็นสัดส่วน 45%
คำถามสำคัญก็คือ… Smart Classroom ในแนวคิดเดิมจะยังมีความจำเป็นอยู่หรือไม่?
ประเด็นมีอยู่ว่า… แนวทางการเรียนการสอนแบบบรรยายประกอบสไลด์ ซึ่งต้องฉายขึ้นจอให้นักเรียนในชั้นเห็นสื่อแบบเดิม กำลังจะถูกทดแทนด้วยการเรียนออนไลน์ ซึ่ง Hardware และ Devices ในแนวคิดเดิมหลายส่วนอาจจะไม่มีความจำเป็นอีก ซึ่งแม้แต่การสอนวิชาปฏิบัติอย่างการทดลองวิทยาศาสตร์ เช่นกรณีการฝึกผ่าตัดกบในชั้นเรียนชีววิทยา นักเรียนในยุคหลังโควิดก็จะเข้าห้องปฏิบัติการ และ ลงมือปฏิบัติหลังจากเห็นคอนเทนต์ที่อาจารย์ที่ปรึกษาแชร์ผ่าน Digital Classroom มากกว่า
โดยความเห็นส่วนตัว… ย้ำว่าเป็นความคิดเห็นส่วนตัวจริงๆ ครับ!!! ผมคิดว่า… การขอตั้งงบจัดซื้ออุปกรณ์เพื่อพัฒนา Smart Classroom ในยุคที่จะถูกทดแทนด้วย Digital Classroom หรือ Virtual Classroom รวมทั้ง Metaverse Classroom… ผมคิดว่าต้องคิดเรื่องเงินเรื่องงบให้หนัก และ ควรทบทวนจนสรุปว่าไม่ควรซื้อจะดีที่สุด และ ให้ Smart Classroom ไม่ได้ไปต่อตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นไป ถึงแม้ความจำเป็นสำหรับบางภาระงานยังมีความต้องการอยู่บ้าง แต่ผมคิดว่าที่จำเป็นจริงๆ คงมีไม่มากจนเป็นปัญหาใหญ่เรื่องงบประมาณ… แล้วเอางบประมาณส่วนนั้นไปพัฒนาคอนเทนต์ทางการศึกษาเพื่อให้ Digital Classroom และ Metaverse Education มีทรัพยากรเพียงพอ… ซึ่งคงหาซื้อคอนเทนต์ภาษาไทยให้เด็กไทยได้ยากหน่อยในอนาคต
ข้อมูลการพัฒนาคอนเทนต์ทางการศึกษาที่ผมมีอยู่ในมือตอนนี้… มี EdTech Startup ไม่น้อยกว่า 50 รายทั่วโลกกำลังแปลงเนื้อหาในหนังสือที่ใช้เรียนสอนระดับปฐมศึกษาและมัธยมศึกษา รวมทั้งที่ใช้สอบวัดระดับมาตรฐานทางการศึกษาสำคัญๆ อย่าง Programme for International Student Assessment หรือ PISA ซึ่งค่าเฉลี่ยของเด็กไทยยังมีอะไรให้ผู้ใหญ่ประเทศนี้คิดเยอะๆ กว่านี้อีกมาก… ล้วนถูกทำขึ้นใหม่เพื่อรองรับ Digital Classroom และ Metaverse Education ซึ่งอีกหน่อยก็คงติดลิขสิทธิ์หมด และ ทำเองได้แย่กว่าและแพงกว่าจนต้องซื้อแบบ Subscribe ให้เด็กเรียนไทยในท้ายที่สุด
จบดีกว่าครับ… ผมเริ่มวนมาเข้าเรื่องที่ผมบ่นได้เป็นวันๆ อีกแล้ว!!!
References…