ความพยายามที่จะพัฒนาระบบขนส่งมวลชน จากโมเดลการออกแบบเมืองและประเทศทั่วโลก ดูเหมือนจะมีความท้าทายเรื่อง “ความกังวลทางระบาดวิทยา” ที่ถามกันว่า… หลังวิกฤตโควิดไปแล้ว ผู้คนจะยอมเดินทางเบียดเสียดจนบ่อยครั้งที่ประตูรถไฟใต้ดิน บนดินและลอยฟ้า… แทบจะปิดไม่ได้ในเวลาเร่งด่วนตามหัวเมืองใหญ่ทั่วโลก… คนจะกล้าเบียดกันขนาดนั้นอยู่มั๊ย
ในขณะที่คำถามเรื่องการใช้รถส่วนบุคคลช่วงหลังวิกฤตโควิดไปแล้ว กลับได้คำตอบค่อนข้างชัดว่า คนคงใช้รถส่วนตัวมากกว่า แม้จะต้องเดินทางไกลไปต่างจังหวัด ที่เคยเดินทางด้วยเครื่องบินไปกลับหลายเส้นทาง แม้ว่าการบินไปจะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายน้อยกว่าขับรถไปเองเป็นเท่าตัวก็ตาม
ในระดับการออกแบบและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน จึงมีการพูดถึงและเร่งรัดโครงสร้างพื้นฐานทางถนนในทุกมิติเพื่อไปให้ถึงการใช้งาน พาหนะไร้คนขับ หรือ Autonomous Cars Level 4-5 ซึ่งต้องการถนนอัจฉริยะหรือ Smart Highway เข้ามาเสริมศักยภาพระบบให้สมบูรณ์แบบที่สุด เพืื่อให้การเดินทางราบรื่นปลอดภัยสูงสุด
Note: อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกัน Autonomous Cars จากบทความ 5 Level Of Autonomous Cars… พาหนะไร้คนขับทั้ง 5 ระดับ และ ADAS ระบบรถไร้คนขับพร้อมใช้ และเชื่อใจได้เมื่ออยู่บนท้องถนน
เวบไซต์ thaibizchina.com ได้รายงานความก้าวหน้าของโครงการ Smart Highway ในนครหนานหนิง… ซึ่งเปิดตัวโครงการก่อสร้าง ทางด่วนอัจฉริยะ หรือ Smart Highway สายแรกของมณฑล ระยะทาง 25.8 กิโลเมตร ด้วยมูลค่าเงินลงทุน 5,370 ล้านหยวน ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี เพื่อรองรับการเข้าสู่… ยุคแห่งรถยนต์อัจฉริยะ
ทางด่วนอัจฉริยะสายนี้สามารถรองรับยานยนต์ไร้คนขับ รวมถึงระบบสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้อง เช่น จุดพักรถ ด่านเก็บค่าผ่านทาง ศูนย์ซ่อมบำรุงทาง และศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร คาดว่าจะแล้วเสร็จในอีก 3 ปีข้างหน้า
Smart Highway หรือ ทางด่วนอัจฉริยะตลอดเส้นทาง 25.8 กิโลเมตร ใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง งานก่อสร้างแบ่งเป็น 2 ตอนคือ ตอนแรกระยะทาง 20.9 กิโลเมตร เป็นแบบ 6 ช่องจราจร และตอนที่สอง ระยะทาง 4.8 กิโลเมตร เป็นแบบ 8 ช่องจราจร นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงถนนวงแหวนรอบนอกนครหนานหนิง ระยะทาง 2.7 กิโลเมตร เป็น 4 ช่องจราจร เพื่อระบายการจราจรและรองรับปริมาณรถยนต์ที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
หัวใจสำคัญของ Smart Highway หรือ ทางด่วนอัจฉริยะในโครงการนี้ก็คือ ระบบสัญญาณสื่อสารไร้สายยุคที่ 5 หรือ 5G ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยสนับสนุนนวัตกรรมยานยนต์ไร้คนขับนั่นเอง เนื่องจากการขับขี่ต้องอาศัยการรับส่งข้อมูลความเร็วสูง มีค่าความหน่วงสัญญาณต่ำ เพื่อสร้างหลักประกันด้านความปลอดภัยในการขับขี่ยานยนต์ไร้คนขับได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ… โดยเฉพาะระบบควบคุมการหยุดรถ สามารถตอบสนองได้อย่างทันที โดยมีการตั้งสถานีฐานเครือข่าย 5G ตามเส้นทางห่างกันทุกๆ 125 เมตร ครอบคลุมตลอดเส้นทาง ทำให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่ปลอดภัยและสะดวกสบาย
นอกจากนี้ ยังมีการนำพัฒนาเทคโนโลยี 5G มาใช้ร่วมกับปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เพื่อรองรับระบบการจราจรอัจฉริยะที่สามารถแสดงข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์ หรือ Real-time Traffic information ซึ่งจะวิเคราะห์และประเมินสภาพการจราจรบนท้องถนนแบบอัตโนมัติ ผ่านฐานข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ Big Data โดยตัวระบบจะสามารถแจ้งเตือนรถที่วิ่งบนทางด่วนให้ทราบถึงสภาพการจราจรบนท้องถนนล่วงหน้า รวมถึงข้อมูลอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้อีกด้วย
เทคโนโลยี 5G จึงเป็นเครื่องมือในการเชื่อมโยงระบบเครือข่ายระหว่างรถและถนนอัจฉริยะได้อย่างสมบูรณ์แบบ เป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยผลักดันให้มณฑณกว่างซี หรือ Guangxi ก้าวเข้าสู่การเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีอัจฉริยะอย่างครบวงจรในอนาคตอันใกล้
หลายปีมานี้ นครหนานหนิง หรือ Nanningเร่งพัฒนาโครงข่ายการจราจรเชื่อมโยงระบบการขนส่งทางบก ทางราง ทางอากาศ และทางน้ำ โดยเฉพาะการตัดผ่าน ท่าอากาศยานนานาชาติอู๋ซวีแห่งนครหนานหนิง Nanning Wuxu International Airport หรือ 南宁吴圩国际机场ให้เกิดความสมบูรณ์แบบ ทั้งภายในมณฑลและเชื่อมสู่ภายนอกมณฑลรวมทั้งอาเซียน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยพัฒนาให้นครหนานหนิง และมณฑลกว่างซี ก้าวขึ้นเป็น “ศูนย์กลางการขนส่งโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค และในอนาคต… จะมีการต่อยอดโครงการก่อสร้างทางด่วนอัจฉริยะจีน-อาเซียนอีกด้วย”
Rederences…