ถ้าท่านคิดว่า สามารถทำธุรกิจโดยไม่โฆษณาก็โตได้… บทความตอนนี้คงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเสียเวลาอ่าน… แต่ถ้าท่านมีธุรกิจที่ต้องการบอกข้อเสนอดีๆ ไปถึงกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะบอกเพื่อให้เป้าหมายรับรู้ หรือจะบอกเพื่อให้เป้าหมายพิจารณาซื้อ… ก็โปรดทราบไว้เถอะครับว่า ท่านกำลังต้องการเครื่องมือสื่อสารการตลาดที่เรียกรวมๆ ว่า “แคมเปญโฆษณา”
ผมเลือกใช้คำว่า “แคมเปญ” เพื่อขยายความและขอบเขตการสื่อสารการตลาด ให้ครอบคลุมภาพรวมกลยุทธ์ทางการตลาด ที่สะท้อนการเติบโตของธุรกิจอย่างแท้จริง ตั้งแต่พาสินค้าหรือบริการออกมาแนะนำผู้คนให้รู้จัก ไปถึงยอมซื้อยอมใช้… ยาวไปถึงซื้ออีกใช้ซ้ำเติบโตไปด้วยกัน
ธุรกิจที่เติบโต… มาจากยอดขายที่เติบโต จนแม้แต่ปรมาจารย์ด้านการตลาดอย่าง Philip Kotler ยังเสนอให้เปลี่ยนชื่อตำแหน่ง Chief Marketing Officer หรือ CMO ไปเป็น Chief Growth Officer หรือ CGO ไปเลยเมื่อครั้งมาบรรยายในงาน World Marketing Summit Asia 2019 ที่กรุงเทพมหานครเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคม 2019 ที่ผ่านมา

กลับมาที่โฆษณาและแคมเปญทางการตลาด… ประเด็นก็คือ นักการตลาดไม่มีทางรู้ว่า แคมเปญแบบไหนหรือโฆษณาชิ้นไหน ที่ Hook กลุ่มเป้าหมายหรือ Target Audience ได้จนนำไปสู่ยอดขายตามเป้าประสงค์ของแคมเปญ… สุดท้ายนักการตลาดจึงต้องพัฒนาเครื่องมือทดสอบโฆษณาขึ้นมา ก่อนจะนำโฆษณาไปใช้ขับเคลื่อนแคมเปญซึ่งเป็นภาพใหญ่ตั้งแต่ดึงดูดลูกค้าจนถึงปิดการขายกับลูกค้ารายเดิมๆ ที่กลับมาซื้ออีกใช้ซ้ำ…
ผมกำลังพูดถึงแนวทางการทำ A/B Testing ที่นักการตลาดในปัจจุบันสนุกสนานกันมาก กับการทำ A/B Testing ในยุคสมัยของสื่อสังคมออนไลน์… โดยเฉพาะการทำ A/B Testing บนแพล็ตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook หรือ Instagram รวมทั้งแพล็ตฟอร์มเสิร์ชเอนจิ้นอย่าง Google Ads ด้วย
การทำ A/B Testing หรือการทำ Split Test ในปัจจุบันจึงง่ายขึ้นกว่าหลายปีก่อนที่นักการตลาดต้องลงพื้นที่ทำ A/B Testing กับแบบ manual ที่บ่อยครั้งกลายเป็นเรื่องขี่ช้างจั๊บตั๊กแตน ที่นอกจากจะจับตั๊กแตนไม่ได้แล้ว บางครั้งได้ข้อมูลกลับมาคลุมเครือจนต้องย้อนกลับมาใช้ทักษะและสัญชาตญาณผู้บริหารเสริมแกร่งเข้าไปอยู่ดี
ประเด็นสำคัญคือ… A/B Testing เป็นการทดลองครับ!… ทดลองว่า โฆษณาแบบไหน คนแบบไหนชอบ ใช่คนหรือกลุ่มคนที่เป็นเป้าหมายของเรามั๊ย… หรือแม้กระทั่งการทดลองกับแคมเปญด้วย A/B Testing ก็เพื่อทดสอบว่าแคมเปญของท่าน ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายแค่ไหนอย่างไร… เพื่อที่หลังจากได้คำตอบชัดๆ แม่นๆ แล้ว… ท่านจะได้เล็งเป้าหมาย ด้วยกระสุนทางการตลาดที่ลั่นออกไปก็ตามเก็บกำไรได้ตามคาด… แม้จะต้องลั่นไกแบบรัวๆ ก็ไม่ต้องกลัวเปลืองกระสุน
ผมหมายถึงเมื่อเราสาดงบโฆษณาออกไป… แล้วกำไรเติบโตตามกันนั่นแหละครับ!!!
ถึงตรงนี้… ท่านที่สนใจและถนัดแพล็ตฟอร์มไหน ลองค้นศึกษาเพิ่มเติมฟังก์ชั่นและเทคนิคเอาเองตามอัธยาศัยครับ เพราะผมมองว่า… การจะมานั่งทำไกด์ไลน์แบบคลิกต่อคลิก กับฟังก์ชั่นการใช้งานของแต่ละแพล็ตฟอร์ม เป็นเรื่องสูญเปล่า เพราะทุกๆ แพล็ตฟอร์มจะปรับปรุงฟังก์ชั่นใหม่ๆ เพิ่มเติมตลอดเวลา… จะใช้เมื่อไหร่ค่อยเรียนรู้เมื่อนั้นก็ไม่สายหรอกครับ แค่เพียงท่านทราบว่า… เครื่องมือทางการตลาดอย่าง A/B Testing จะช่วยท่านเรื่องประสิทธิภาพการทำแคมเปญด้วยโฆษณาได้ดีกว่าการด้นสดด้วยมุมคิดจากคนขายอย่างท่านเพียงลำพัง… จงสนใจมุมคิดจากฝั่งลูกค้าครับ โดยเฉพาะมุมคิดของ “กลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ยินดีจ่าย” แลกสินค้าหรือบริการจากท่าน
สำหรับท่านที่ต้องการใช้ A/B Testing แต่ยังไม่มั่นใจหรืออยากเรียนรู้ด้วย Workshop จริงๆ ลองหาคอร์สออนไลน์เรียนได้ครับ… ดูให้เป็นเป็นคอร์สที่อัพเดทที่สุดก็พอ… หรืออยากทำ Workshop กับทีม Reder ก็ยินดีรับข้อความทางไลน์จากทุกท่าน… แอดเพื่อนด้วย Line ID: @reder ทักเข้ามาครับ!
แนะนำ
- https://www.maxideastudio.com/blog/a-b-test-facebook/