การเป็นองค์กรที่แปลว่า มีคนหลายคนมาช่วยกันทำงานยากๆ ที่คนๆ เดียวไม่มีทางทำได้ ซึ่งการขับเคลื่อนเป้าหมายเดียวกันในจังหวะเดียวกันของคนหลายๆ คน จึงต้องมีการพูดคุยประชุมปรึกษาคนหลายๆ คนที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมาย จนกลายเป็นกิจวัตรสามัญอย่างหนึ่งขององค์กร ซึ่งมีตั้งแต่การประชุมโดยคนไม่กี่คนมานั่งพูดคุยออกความเห็น ไปจนถึงการชุมนุมคนจำนวนมากเพื่อร่วมลงมติต่างๆ
ประเด็นก็คือ… การประชุมเป็นได้ทั้งกลไกการขับเคลื่อนผลักดัน และอุปสรรคขวางกั้นหลายๆ อย่างที่จะเกิดขึ้นหลังประชุม… ถ้าทีมหรือองค์กรไหนโชคดีที่การประชุมทุกครั้งสร้างการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีได้ ส่วนใหญ่จะก้าวหน้าเติบโตชัดเจน… ส่วนทีมหรือองค์กรไหนที่การประชุมเป็นเพียงการพบปะเพื่อกลับไปทำงานเดิมๆ ให้ลุล่วง หรือย่ำแย่ถึงขั้น “ไม่มีข้อสรุปสร้างสรรค์จากที่ประชุม…” ส่วนใหญ่ก็จะน่าเบื่อและวนเวียนอยู่กับที่ และไม่มีอะไรน่าสนใจให้ตื่นเต้น… และอยู่กับวัฒนธรรมองค์กรแบบแตงเถาตายรอวันเน่าไปเท่านั้น
วันนี้ลอกการบ้านบทความจาก Lifehack.org เรื่อง 12 Secrets To a Super Productive Meeting You Should Know มาฝาก Reder Fan สายองค์กร โดยเฉพาะท่านที่เป็น Team Leader ครับ… ไปดูกันเลยว่า เขาเสนอไอเดียอะไรเพื่อให้การประชุมงอกผลงานเจ๋งๆ ออกมาหลังจบการประชุมบ้าง…
- Time Is Not the Real Issue หรือ เวลาไม่ใช่วาระ… อะไรที่ต้องประชุม อันนั้นต้องสำคัญจนทีมที่ต้องประชุม… “ต้องอุทิศเวลา เพื่อให้เกิดการประชุมที่ให้ผลลัพธ์เป็นการตัดสินใจ”
- Make Meetings Shorter หรือ ประชุมกันให้สั้นกระชับ… ประเด็นที่ต้องตัดสินใจ กับ ข้อมูลประกอบประเด็นที่ต้องตัดสินใจ… กางออกพูดคุยให้ไว ในกรณีที่ข้อมูลมีมากหรือซับซ้อน ก็ควรส่งข้อมูลให้ผู้เข้าประชุมศึกษาล่วงหน้า
- Plan Meetings Only When Needed หรือ วางแผนประชุมเท่าที่จำเป็น… เพราะสิ่งที่ต้องคำนึงก็คือ… ค่าใช้จ่ายที่เป็นมูลค่าที่ติดตัวผู้เข้าร่วมประชุมมา ตั้งแต่ค่าจ้างเงินเดือนที่เฉลี่ยเป็นรายวันหรือรายชั่วโมง รวมทั้งเบี้ยประชุม ของว่างและอะไรอีกมากที่ต้องใช้เพื่อให้เกิดการประชุม… และที่สำคัญคือคุณค่าที่ผู้เข้าร่วมประชุมสามารถใช้เวลาไปทำกิจธุระอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์อีกมาก ถ้าไม่ต้องเข้าประชุม… การนัดประชุมพร่ำเพรื่อแบบไม่คำนึงถึง “ต้นทุนแฝงจากการประชุม” จึงเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง…
- Meet Standing Up or Somewhere Else หรือ ยืนประชุมหรือนัดคุยกันที่อื่นบ้าง… เพื่อให้การพบปะหารือไม่อยู่ในโหมด “นั่งชิว” และสุขสบายใช้เวลาเกินจำเป็น ยิ่งในยุคที่ต้อง “Move Fast and Break Things” จำเป็นต้องเอาข้อสรุปไปทำให้ไว และเรียนรู้จากความผิดพลาดแตกหักเสียหาย ดีกว่าคุยกันไม่รู้จบรู้สิ้นแบบพวก NATO หรือ No Action, Talk Only…
- Plan the Agenda in Advance หรือ วางวาระการประชุมให้ชัดเจนล่วงหน้า… ซึ่งเจ้าภาพหรือเจ้าของวาระทราบดีอยู่แล้วว่าต้องการอะไรจากใครในที่ประชุม การเตรียมวาระให้ผู้เข้าร่วมประชุมหลักๆ ที่เกี่ยวข้องล่วงหน้า จะประหยัดเวลาไปได้มาก… ส่วนวาระ “แจ้งทราบ” ทั้งหลาย ถ้าทีมไหนยังต้องเอาเข้าแจ้งในที่ประชุมให้เสียเวลาอยู่ น่าจะแปลว่า “ทีมนั้นล้าหลัง” ในการใช้เครื่องมือดิจิทัลในระบบบริหารจัดการทีมและองค์กรไปแล้ว
- Create a Smartphone Free Zone หรือ สร้างเขตปลอดมือถือ… มือถือเป็นเครื่องมือที่ดูดสมาธิคนให้ไกลออกจากตัวได้เสมอ แม้ว่าจะปิดเสียงเตือนและปิดมือถือจนดับสนิทไปแล้วก็ยังถือและหยิบจับเป็นของเล่นได้อยู่… ถ้าอยากได้ความร่วมมือแบบโฟกัสประเด็นเดียวกันในที่ประชุมมากขึ้น ต้องปลดเครื่องมือถอดวิญญาณอย่างมือถือก่อนเข้าประชุม ออกจากมือทุกคนก่อนเท่านั้น
- Limit the Number of Attendees หรือ จำกัดจำนวนผู้เข้าประชุม… โดยต้องไม่เชิญคนใบ้เข้ามานั่งฟังเปล่าๆ ในประชุม… เชิญแต่คนที่พูดดี ออกความเห็นได้ และตัดสินใจเป็นเท่านั้น… เคยมีเรื่องเล่าว่า Elon Musk เคยถามคนเข้าประชุมกับเขาที่ไม่พูดอะไรเลยตลอดการประชุมว่า… “คุณเข้ามาทำอะไร?” และไล่คนนั้นออกแบบไม่เสียดายโปรไฟล์อีกต่างหาก
- Run the Meeting Like a Clockwork หรือ ดำเนินการประชุมเหมือนกลไกเดินไปข้างหน้า… โดยเฉพาะผู้นำประชุม หรือประธานในที่ประชุม ต้องไม่พาการประชุมวกวนกับวาระและประเด็นไม่เสร็จสิ้น… โดยเฉพาะประเด็นที่มีคนในที่ประชุมไม่ยอมจบ ทั้งที่ลงมติหรือตัดสินใจกันไปแล้ว รวมทั้งผู้เข้าร่วมประชุมที่อยากได้เวลาพูดในที่ประชุม ไปเอ่ยอ้างนอกประเด็น
- Take Away Action Points หรือ ดำเนินการตามการตัดสินใจทันที… ซึ่งการบริหารองค์กรสมัยใหม่ มักจะใช้เครื่องมือบริหารทีมและโครงการที่สามารถ “สั่งและมอบหมายงาน” ได้ทันที เช่น MicroSoft Team… Slack… Asana และอื่นๆ อีกมาก ซึ่งที่ประชุมควร “จ่ายงานออก” ถึงผู้ที่เกี่ยวข้องให้เสร็จสิ้นเมื่อการตัดสินใจจบลง แม้ว่าผู้ที่ไดรับมอบหมายงานจะไม่ได้เข้าร่วมประชุมก็ตาม
- Allow Transit Time หรือ นัดประชุมเผื่อเวลาเดินทางให้ผู้เข้าร่วมด้วย… ซึ่งการคำนึงถึงการเดินทางของผู้เข้าร่วมประชุมว่าสามารถมาทันกำหนดการประชุมได้หรือไม่ ถือเป็นเรื่องแรกๆ ในการกำหนดเวลาและสถานที่ประชุม
- Outline Outcomes and Plan for The Next Meeting หรือ สรุปผลลัพธ์และแผนสำหรับการประชุมครั้งต่อไป… เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุม รับทราบผลการประชุมที่ตรงกัน และประเด็นสืบเนื่องที่อาจจะต้องใช้ในการประชุมครั้งต่อไปด้วย… ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ ผ่านช่องทางสื่อสารทางดิจิทัลต่างๆ
- Encourage Meeting Skills Training หรือ ควรส่งเสริมการฝึกอบรมการประชุม… ซึ่งการประชุมเป็นทักษะ โดยเฉพาะการนำประชุมถือเป็นทักษะสำคัญที่ต้องเรียนรู้ฝึกฝน ไม่ต่างจากทักษะอื่นๆ ที่ใช้เพื่อการทำงาน… และทักษะการนำประชุม เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ขั้นเทพ ถือเป็นทักษะหนึ่งที่ประกอบอยู่ในภาวะผู้นำในศตวรรษที่ 21 ที่คนที่ต้องทำงานเป็นทีม “ต้องเป็นงาน” เท่านั้น
คร่าวๆ พอเป็นไอเดียประมาณนี้ครับ… ถึงแม้ว่า โดยธรรมชาติของบริบทการประชุมและการเข้าประชุมของแต่ละทีมในแต่ละองค์กร จะแตกต่างและมีลักษณะเฉพาะไม่เหมือนกัน… แต่แนวทางที่เอามาแบ่งปันวันนี้ส่วนใหญ่ เป็นเรื่องพื้นฐานเล็กๆ น้อย ซึ่งที่ประชุมส่วนใหญ่เจอะเจอสภาพใกล้เคียงกันนี้ได้ค่อนข้างบ่อย… และหวังว่าจะพอมีประโยชน์บ้างครับ!
Reference