ความเข้าใจเกี่ยวกับกิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันนั้น ถูกกล่าวอ้าง ตีความ และ ดำเนินการโดยขาดมาตรฐานจนประเมินได้ยากว่าองค์กรไหนใส่ใจสิ่งแวดล้อมจริง และ ที่ว่าจริงนั้นเป็นจริงสักแค่ไหน ซึ่งหลายกรณีนำไปสู่การกล่าวอ้างเกินจริงว่ามีการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมแบบที่เรียกว่า Greenwashing
ธนาคารแห่งประเทศไทย กับ หน่วยงานภาคีเครือข่ายด้านเศรษฐกิจ ที่มีนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งพบปัญหายุ่งยากในการจัดสรรเงินทุนเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยังไม่ตรงจุด เพราะขาดมาตรฐานในการประเมินกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมที่องค์กรกล่าวอ้าง จึงจำเป็นต้องสร้างมาตรฐานกลางในการกำหนดนิยาม และ จัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม หรือ Taxonomy เพื่อให้ภาครัฐ ภาคธุรกิจ และ ภาคการเงิน มีความเข้าใจตรงกัน และ มีจุดยึดโยงให้นำไปใช้อ้างอิงในการกำหนดนโยบาย วางแผนเชิงกลยุทธ์ รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการของภาคธุรกิจได้อย่างมีมาตรฐาน และ สอดคล้องกัน… ซึ่งจะช่วยให้แต่ละภาคส่วนสามารถประเมินสถานะการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม และ สามารถวางแผนรองรับการปรับตัวในช่วงเปลี่ยนผ่านที่สอดคล้องกับบริบทของไทยได้อย่างเหมาะสมและทันการณ์… Thailand Taxonomy จึงถูกริเริ่มขึ้นจากธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ได้ใช้ช่องทางบริการทางการเงินในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
Thailand Taxonomy จึงเป็นมาตรฐานเพื่อใช้อ้างอิงกิจกรรมทางเศรษฐกิจในแนวทางที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และหรือ สภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Change Mitigation โดยธนาคารแห่งประเทศไทยได้ร่วมมือกับภาคการเงินการธนาคาร ในการสร้างมาตรฐานกลางที่ภาคส่วนต่างๆ สามารถนำไปอ้างอิงหรือเป็นแนวทางปฏิบัติได้ โดยจัดแบ่งกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเอาไว้ 3 ระดับ คือ…
- สีเขียว หรือ Green… ได้แก่ ธุรกิจที่ดำเนินกิจกรรมลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตัวอย่างเช่น ธุรกิจพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ รถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV เป็นต้น
- สีเหลือง หรือ Amber… ได้แก่ ธุรกิจที่อยู่ระหว่างปรับตัวเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยในปัจจุบันมีแผนการปรับตัวเพื่อลดก๊าซเรือนกระจกให้น้อยลง ตัวอย่างเช่น การผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ
- สีแดง หรือ Red… ได้แก่ ธุรกิจที่ไม่เข้าข่ายตามเงื่อนไขกิจกรรมสีเขียวและสีเหลือง หรือธุรกิจที่ไม่สามารถถูกประเมินได้ว่าเป็นมิตรต่อการลดก๊าซเรือนกระจกสุทธิได้ ตัวอย่างเช่น ถ่านหิน น้ำมัน เป็นต้น
การริเริ่มกำหนด Taxonomy ด้านสิ่งแวดล้อมโดยธนาคารแห่งประเทศไทยมีมานานระยะหนึ่ง ก่อนจะมีการทำ public hearing ตามแนวนโยบาย Financial Landscape ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะต่อการสร้างระบบนิเวศการเงินเพื่อความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม… โดยความคืบหน้าล่าสุดช่วงกลางเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2566 ก็ได้จัดทำร่างแรกของ Thailand Taxonomy แล้วเสร็จ และ อยู่ระหว่างขั้นตอนพิจารณาความเห็นจากภาคส่วนต่างๆ ในการนำ Thailand Taxonomy ไปใช้ ซึ่งปัจจุบันยังให้ใช้โดยให้เป็นไปตามความสมัครใจ แต่ก็มีหลายภาคส่วนได้เริ่มนำแนวทาง Thailand Taxonomy ไปปรับใช้ในการดำเนินงานในหลายมิติ เช่น
ภาคธุรกิจ… Thailand Taxonomy สามารถนำมาใช้ประเมินความเสี่ยง สถานะ และ ความพร้อมของตนเองในการลดก๊าซเรือนกระจก จากการที่ธุรกิจทั่วโลกเผชิญมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมในระดับที่เข้มข้นมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดส่งออกสหภาพยุโรปที่นำมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมมาเชื่อมโยงกับการค้ามากขึ้น โดยเตรียมทดลองใช้ “มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน หรือ Carbon Border Adjustment Mechanism หรือ CBAM” ในเดือนตุลาคม ปี 2023 ซึ่งเป็นการกำหนดราคาสินค้านำเข้าบางประเภท เพื่อกีดกันการนำเข้าสินค้าที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง ได้แก่ อะลูมิเนียม เหล็กและเหล็กกล้า ปูนซีเมนต์ ปุ๋ย ไฟฟ้าไฮโดรเจน และ อุตสาหกรรมปลายน้ำที่เกี่ยวเนื่อง เช่น พลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เช่นเดียวกับตลาดสหรัฐอเมริกาที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาใช้มาตรการ CBAM จากสินค้านำเข้าในอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเข้มข้น
ภาคการเงิน… ธนาคารถือเป็นต้นน้ำที่ส่งผ่านให้ภาคธุรกิจได้ปรับตัว ข้อมูลจาก Moody’s ประเมินตัวเลข 15-30% ของยอดสินเชื่อทั้งหมดของระบบธนาคารพาณิชย์ในอาเซียน เป็นสินเชื่อที่ให้แก่ภาคอุตสาหกรรมที่ปล่อยคาร์บอนสูง ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการได้รับผลกระทบจากมาตรการสิ่งแวดล้อม หรือ Transition Risk… ส่วนข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยพบว่า 30% ของอุตสาหกรรมในประเทศไทยเป็นอุตสาหกรรมเก่า ในจำนวนนี้มี 13% ของอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการ CBAM ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นในภาคเศรษฐกิจจริง หรือ Real Sector นั้น… สุดท้ายก็ส่งผลกระทบต่อภาคการธนาคารอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจธนาคารมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงจากสภาพภูมิอากาศ ผ่านการดำเนินนโยบายที่ผนวกแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานอย่างมีมาตรฐานภายใต้กรอบ Thailand Taxonomy โดยกำหนดแนวทางการดำเนินงานที่สำคัญในหลายด้าน เช่น การจัดกลุ่มธุรกิจ พิจารณาสินเชื่อ จัดสรรเงินทุน การบริหารความเสี่ยงพอร์ตสินเชื่อ รวมถึงมีผลิตภัณฑ์และบริการรองรับการปรับตัวด้านสิ่งแวดล้อมของภาคธุรกิจ
ที่สำคัญก็คือ… สถาบันการเงินสามารถใช้ Thailand Taxonomy ประเมินความเสี่ยงและบริหารความเสี่ยงในพอร์ตสินเชื่อ โดยอาจเริ่มจากการพิจารณาจัดกลุ่มสินเชื่อ โดยแบ่งตามกลุ่มสีเขียว เหลือง หรือ แดง เพื่อดูสถานะของพอร์ตปัจจุบัน และ สามารถจัดสรรเงินทุนเข้าไปช่วยสนับสนุนการปรับตัวของภาคธุรกิจในช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่กลุ่มที่ระดับสูงขึ้น หรือ เข้าสู่กลุ่มสีเขียว… ซึ่งเป็นการบริหารความเสี่ยงในพอร์ตสินเชื่อที่คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งผลกระทบทางตรงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม หรือ Physical Risk และ ผลกระทบของกฎระเบียบเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม หรือ Transition Risk
นอกจากนี้ สถาบันการเงินยังสามารถออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์การปรับตัวของธุรกิจในแต่ละกลุ่ม ทั้งในแง่ต้นทุน ความเพียงพอของเงินทุน รวมถึงเงื่อนไขอื่นๆ ที่สนับสนุนการเปลี่ยนผ่าน รวมถึงสนับสนุนโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ เช่น การลงทุนตามโมเดลเศรษฐกิจใหม่ หรือ BCG Model หรือ Bio-Circular-Green Economy และ การสนับสนุนให้กลุ่มเปราะบางและกลุ่มที่ได้รับผลกระทบสามารถปรับตัวดำเนินธุรกิจต่อไปได้ รวมถึงการสร้างองค์ความรู้และการมีมาตรการเพื่อสนับสนุนทางการเงินให้แก่ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ที่มีความเปราะบางมากกว่ากลุ่มอื่นๆ
การนำความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินนโยบายของภาคส่วนต่างๆ ถือได้ว่าเป็นแรงส่งสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่เป็นความรับผิดชอบที่อาจทำให้ภาคการเงินและภาคธุรกิจมีต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นในช่วงการปรับตัวและเปลี่ยนผ่าน
อย่างไรก็ดี เชื่อว่ามาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่ทั่วโลกจะนำมาใช้มากขึ้นในอนาคต จะเป็นแผนงานที่มีกรอบระยะเวลา ที่ทำให้มิติของจังหวะการปรับตัวของภาคธุรกิจและภาคการเงินเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป มองวิกฤตเป็นโอกาส แล ะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ
References…