Toxic Positivity… พิษจากการคิดแต่ด้านบวก #SelfInsight

โดยทั่วไป… ความเชื่อ และ มุมมองของคนๆ หนึ่งมักจะสร้างตัวตน และ บุคลิกภาพให้คนๆ นั้นกลายเป็นคนในแบบที่ตนเชื่อ โดยมี “ความคิด และ การไตร่ตรอง” บน “มุมมองส่วนตน” ภายใต้อิทธิพลของความเชื่อมาผลักดันการตัดสินใจเกือบทั้งหมด ซึ่งจะปรากฏเป็นตัวตนที่สะท้อนออกมาให้คนใกล้ตัวสัมผัสได้ว่าคนๆ นั้นใช้ชีวิตด้วยความเชื่อ และ มุมมองแบบไหนอย่างไร

ประเด็นก็คือ… มุมมองหลักๆ ของแต่ละคนจะมีเพียง “มุมมองด้านบวก กับ มุมองด้านลบ” ซึ่งทุกการปลูกฝังสั่งสอนโดยปกติที่ทุกคนได้รับ ก็มักจะถูกแนะนำสั่งสอนให้ “คิดบวก หรือ ใช้มุมมองด้านบวก” เพื่อให้ตัวตน และ บุคลิกภาพที่ปรากฏออกมาเป็นไปในทางที่เป็นบวก… โดยเชื่อกันว่าตัวตน และ บุคลิกภาพที่ปรากฏออกมาจะ “ดูดี” ในมุมมองของคนใกล้ชิดมากกว่า… ส่งผลต่อความสัมพันธ์ที่เป็นบวกมากกว่า… ขัดแย้งกับคนอื่นน้อยกว่า… เครียดน้อยกว่า และ หวั่นไหวหวาดกลัวน้อยกว่า… ซึ่งก็มีคนบางประเภทที่เชื่อว่าตนเป็นคน “คิดบวก และ คิดดี ทำดี” ด้วยมุมมองด้านบวกจนเชื่อว่าตน “เป็นคนดี” จากการดำเนินชีวิตภายใต้ความเชื่อ และ มุมมองที่ดี จนไม่ปรากฏความขัดแย้งกับใครในชีวิต แถมยังมีความสัมพันธ์ และ สายสัมพันธ์ที่อบอุ่นจากคนรอบข้าง ซึ่งถือว่าชีวิต “ช่างโชคดี” ที่ไม่ต้องระแวดระวังต่อสิ่งใดหรือใคร และหรือ ไม่ต้องดิ้นรนฟันฝ่าความท้าทายยุ่งยากใดๆ ที่มาจาก “พื้นฐานชีวิตที่บกพร่อง และ ความซวย” ที่ผ่านเข้ามาในบางจังหวะของชีวิตอย่างคาดไม่ถึง… เพราะความพยายามที่จะต้องดิ้นรนฟันฝ่าความท้าทายยุ่งยากในชีวิตจะต้องการหลักคิดจากมุมมองที่เหมาะสม เพื่อปรับแต่งความเชื่อ และ ตัวตน กับ บุคลิกภาพให้ชีวิตราบรื่นขึ้น… ซึ่งการ “คิดบวก–คิดดี” เพียงมิติเดียวในทุกๆ สถานการณ์รอบตัวที่ซับซ้อนขั้นดิ้นรนฟันฝ่าความท้าทายยุ่งยากในชีวิต ย่อมแก้ปัญหาที่ถาโถมเข้าใส่ชีวิตได้ไม่หมด… การใช้มุมมองด้านลบกับบางความท้าทายจึงมีประโยชน์ต่อคนๆ หนึ่งไม่ต่างกับการใช้มุมมองด้านบวกนัก… โดยเฉพาะความไม่ต่างกันในแง่ของการ “แก้ปัญหา” มากกว่าจะใช้ “ความคิด และ การไตร่ตรอง” ผ่านมุมมองดีหรือไม่ดี และ บวกหรือลบ… ซึ่งตัดโอกาสการจัดการปัญหาให้แคบลงอย่างน้อยก็ 50% ทันที

Kendra Cherry ผู้เขียนหนังสือ The Everything Psychology Book: Explore The Human Psyche And Understand Why We Do The Things We Do ให้ความเห็นว่า… ความคิดด้านบวกโดยปริยายก็มีพิษภัยต่อคนที่มีมุมมองแบบนั้นไม่น้อย เพราะการประคบประคองความคิดด้านบวกในทุกสถานการณ์จะเป็นการ “ปฏิเสธอารมณ์ด้านลบของตน” โดยยัดเยียดมุมมองด้านบวกมาชดเชย ไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้าย หรือ ยากลำบากเพียงใด… ซึ่งเป็นการคิดเชิงบวกเกินเข้าไปทับถมร่องรอยความเครียด ทุกข์ และ ไม่สบายใจของตน… ซึ่งคนๆ นั้นไม่สามารถ “รู้สึกดี” อย่างที่ตั้งใจคิด และ ประโลมตนให้ “เชื่อว่าดีแล้ว” ได้จริง

Kendra Cherry ให้ความเห็นว่า… การคิดบวกเกินพอดีมักจะกลายเป็น Toxic Positivity หรือ พิษจากการคิดบวก… ซึ่งพิษชนิดนี้จะทำร้ายคนที่กำลังต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ถูกความเชื่อ และ มุมมองเรื่องคิดบวกมาปิดกั้นข้อเท็จจริง รวมทั้งปิดกั้นอารมณ์ความรู้สึกที่แท้จริงของมนุษย์ ที่ควรจะได้โอกาสในการจัดการภาวะยากลำบากอย่างตรงไปตรงมา รวมทั้งความช่วยเหลือจากคนใกล้ชิด… เพราะทันทีที่แสดงตนว่ามองโลกในแง่ดี และ ยังไหว… ข้อเท็จจริง และ อารมณ์ความรู้สึกที่ถูกปิดกั้นไว้ก็มักจะถูกคนใกล้ชิดเมินเฉย และ ข้ามผ่านไปด้วยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นกัน

คำแนะนำเมื่อรู้สึกว่า “คิดดี หรือ คิดบวก” ก็ยังไม่ทำให้อะไรดีขึ้น และ เข้าข่าย Toxic Positivity หรือ พิษจากการคิดบวก… ก็ไม่เป็นไรที่จะตอบสนองความคิดเชิงลบบ้าง โดยเฉพาะความคิดเชิงลบที่ใช้แก้ปัญหาได้ดีกว่าจะหามุมมองดีๆ มาอธิบายตัวเองทั้งๆ ที่ไม่ได้คิด และ เชื่อแบบนั้นจริง… แต่ก็ต้องระมัดระวัง “ผลกระทบ” เมื่อต้องผลักดันความคิดด้านลบไปสู่การตัดสินใจแทนความคิดด้านบวก… เพราะความคิดด้านหนึ่งจะดีกว่าอีกด้านหนึ่งจะตัดสินกันที่ “ผลกระทบ” หลังจากตัดสินใจแล้ว 

References…

Facebook
Twitter
LinkedIn
Pinterest
Tumblr

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *