ความรัก หรือ Love เป็นพฤติกรรมความสัมพันธ์เชิงบวกที่ผลักดันให้มนุษย์ และ สิ่งมีชีวิตที่รับรู้ได้ถึงสายสัมพันธ์ “มีความสุข” อยู่กับสภาพแวดล้อมที่ให้ความจริงใจ ความถูกต้อง การเอาใจใส่ รวมทั้งการยอมรับและ ความไว้วางใจ ทั้งในคู่ความสัมพันธ์และปฏิสัมพันธ์เชิงสังคมรอบตัว
Carl R. Rogers นักจิตวิทยาผู้เขียนหนังสือ The Interpersonal Relationship และ เจ้าของทฤษฎี Unconditional Positive Regard หรือ การยอมรับด้านบวกโดยไร้เงื่อนไข ซึ่งถูกอ้างอิงเป็นกรอบในการอธิบายพฤติกรรมการมอบความรักให้กันแบบไร้เงื่อนไข หรือ Unconditional Love ซึ่งเป็นรูปแบบความรักที่พบได้มากมายในสายสัมพันธ์ระดับครอบครัวที่มีสภาพแวดล้อมแห่งความรักที่ดีต่อสุขภาพกายและใจของสมาชิกครอบครัว… โดย Carl R. Rogers เชื่อว่า การยอมรับกันและกันผ่านมุมมองและเหตุผลด้านบวกโดยไร้เงื่อนไข จะทำให้คู่ความสัมพันธ์ หรือแม้แต่คู่สนทนาสัมผัสได้ถึงการยอมรับอย่างเปิดกว้าง รู้สึกได้ถึงความรัก และ เชื่อมั่นที่จะเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งจะกระตุ้นความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง รวมทั้งความอยากไขว่คว้าปัจจัยความสุขอื่นๆ ที่ตนเองจัดการได้ด้วยเหตุผลที่ถูกต้อง
Unconditional Love หรือ ความรักแบบไร้เงื่อนไข จึงเป็นปัจจัยความสุขที่หาได้จากความสัมพันธ์ หรือ สายสัมพันธ์ ทั้งของมนุษย์ และ สิ่งมีชีวิตที่รับรู้ได้ถึงสายสัมพันธ์… ซึ่งการจะมีความรักแบบไร้เงื่อนไข หรือ มอบความรักแบบไร้เงื่อนไขให้คนอื่นได้นั้น Abraham Maslow อธิบายว่า… ความรักแบบไร้เงื่อนไขจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมนุษย์เรามีมุมมองเชิงบวกในตนที่มากพอ… โดยเฉพาะมุมมองเชิงบวกที่มากพอสำหรับมนุษย์อีกคนหนึ่งที่พฤติกรรมและตัวตนของพวกเขา มักจะแตกต่างจากตัวเองให้ต้องยอมรับ ยอมเข้าใจ และ ยอมรักโดยปราศจากเงื่อนไขได้ไม่ยาก
ประเด็นก็คือ… ไม่ง่ายที่มนุษย์คนหนึ่งจะรู้จัก เข้าใจ และ ยอมรับ “พฤติกรรม กับ ตัวตน” ของคนอีกคนหนึ่งได้ทั้งหมด แต่ถ้าคนๆ นั้นได้มอบความรักแบบไม่มีเงื่อนไขให้คนอีกคนหนึ่งได้จริงเมื่อใด แก่นแท้แห่งตัวตนของคนที่ได้รับความรักแบบไร้เงื่อนไขทั้งพฤติกรรมตัวตนที่เป็นบวก และ เป็นลบต่อความสัมพันธ์ ก็มักจะถูกข้ามผ่านโดยถูกเห็นเป็นปัญหาเพียงเล็กน้อย หรือ ไม่เป็นปัญหาเลยในทันที… นักจิตวิทยาชื่อ Viktor Frankl ได้ยืนยันถึงพลังของความรักแบบไร้เงื่อนไขว่า… Unconditional Love หรือ ความรักแบบไร้เงื่อนไขเป็นวิธีการที่เราเปิดใช้ และ เข้าถึงศักยภาพของมนุษย์ โดยเฉพาะศักยภาพในการเป็นผู้เปลี่ยนพฤติกรรมผู้อื่นให้ “รักเป็น” และ มีโอกาสจะกลายเป็นผู้กล้ามอบความรักแบบไร้เงื่อนไขให้คนอื่นๆ ได้อีกมาก
Unconditional Love หรือ ความรักแบบไร้เงื่อนไข ในทางปฏิบัติจึงเป็นพฤติกรรมเชิงอุดมคติพอสมควร โดยพฤติกรรมความรักแบบไม่มีเงื่อนไขที่คนรู้จักกันมากที่สุด จึงเป็นความรักแบบเมตตาของศาสดาในเกือบทุกศาสนาที่มีต่อศาสนิกชน… ส่วนความรักแบบไม่มีเงื่อนไขระหว่างมนุษย์ กับ มนุษย์จะหาได้จาก “บรรยากาศความสัมพันธ์” ที่มักจะประกอบไปด้วย
- Feeling Secure หรือ รู้สึกมั่นคงปลอดภัย… ซึ่งระดับของความรู้สึกจะขึ้นลงและไม่คงที่เสมอ
- Altruistic หรือ เห็นแก่อีกฝ่ายเสมอ… ซึ่งก็ไม่ง่ายที่คนเราจะเห็นแก่คนที่เรารักก่อนในทุกๆ กรณี โดยไม่รู้สึกสูญเสียความรู้สึกรักตัวเองจนสมดุลย์ความสัมพันธ์ผิดเพี้ยน
- Acceptance And Forgiveness หรือ ยอมรับและให้อภัย… ซึ่งพูดง่ายแต่ทำได้ยากสำหรับคนส่วนใหญ่ที่หลาบจำกับพฤติกรรมของผู้อื่นที่กระทบตัวเอง
อย่างไรก็ตาม… บรรยากาศความสัมพันธ์ที่เป็นความรักแบบไม่มีเงื่อนไขที่ไม่ใช่ความรักเชิงอุดมคติจากพระเจ้าแบบที่เรียกว่า Agape Love… ซึ่งคนเดินดินมักจะถูกท้าทายจาก “การละเมิดสายสัมพันธ์ และ การคุกคามความสัมพันธ์” ด้วยพฤติกรรมขาดความใส่ใจของผู้ที่ “รู้จักแต่รับรัก” ฝ่ายเดียวโดยไม่ใส่ใจ… ซึ่งละเลยความสัมพันธ์ที่มักจะทำให้คู่ความสัมพันธ์ที่เป็นผู้มอบความรักความปราถนาดีแบบไร้เงื่อนไขรู้สึกว่าตน “สูญเปล่า” หลายอย่าง โดยเฉพาะการสูญเปล่าถึงขั้นรู้สึกว่าตนได้ละเลยตัวเองไปมาก… รวมทั้งความรู้สึกว่าตนถูกละเมิดแรงใจ และ อะไรต่อมิอะไรที่กระทบต่อสุขภาพกายและใจไปแล้ว…
References…