ในองค์กรทุกรูปแบบที่ถูกขับเคลื่อนกิจธุระทั้งหมดด้วยทรัพยากรมนุษย์ ตั้งแต่คนที่อยู่ในสถานะผู้นำในองค์กรลงไปจนถึงพนักงานระดับปฏิบัติทุกคนทุกตำแหน่ง ซึ่งล้วนแต่มาทำงานเพื่อให้หน้าที่ และ ความรับผิดชอบถูกผลักดันไปข้างหน้าร่วมกับทีม… ในขณะที่ “ชีวิตส่วนตัว” ด้านอื่นๆ ของแต่ละคนก็จำเป็นจะต้องดำเนิน และ จัดการให้ลงตัวเพื่อจะได้มีศุกยภาพที่จะกลับมาทำงานให้ได้ดีกว่าเดิม… วงจรการทำงานแบบมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับหลังการเลิกทาส จึงถูกกำหนดชั่วโมงทำงานที่เป็นไปได้ กับ วันหยุด และ เวลาเลิกงานในแต่ละวันเพื่อให้ทุกคนกลับไปใช้เวลากับ “ชีวิตส่วนตัว” ของใครของมันอย่างที่ควรจะเป็น
นานมาแล้วที่คีย์เวิร์ดคำว่า Work/Life Balance ถูกพูดถึงในแง่ของคุณภาพงาน และ การใช้ชีวิตที่ถูกแนะนำให้ทุกคนควรออกแบบสมดุลย์ “งาน กับ ชีวิตส่วนตัว” ให้เชื่อมต่อกับความราบรื่นในการดำเนินชีวิตที่ต้องมีทั้งงาน และ โลกส่วนตัว… ทั้งที่เป็นกิจวัตร และ ผู้คนในสายสัมพันธ์ที่จำเป็นต้องแบ่งปันเวลา และ ทรัพยากรระหว่างกันอย่างสม่ำเสมอ อันเป็นธรรมชาติของการอยู่รอดที่สืบทอดเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์จนถึงรุ่นเรา
ปัญหาก็คือ… กิจธุระขององค์กร หรือ ที่ทำงานของคนส่วนใหญ่ในปัจจันถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ และ การสื่อสารยุคดิจิทัล ซึ่งได้ทำให้ “งาน กับ ชีวิตส่วนตัว” ของคนส่วนใหญ่ไม่เหลือช่องว่างให้แยกแยะออกจากกัน… หลายคนจึงเจอสภาพต้องคุยเรื่องงาน ต้องเคลียร์งาน และ ต้องแก้ปัญหาให้ที่ทำงานตลอดเวลาตราบเท่าที่สมาร์ทโฟนในมือยังดึงดูดให้เปิดรับภาระงานที่ไหลหลั่งไม่หยุดย่อนจากคนหนึ่งสู่อีกหลายๆ คนทั้งเวลาหลังเลิกงาน และ เวลาในวันหยุด… ทำให้แนวคิดเรื่อง Work/Life Balance แบบแยกงานกับชีวิตส่วนตัวได้กลายเป็นเรื่องในอุดมคติที่ไม่อาจเกิดขึ้นจริงได้อีก… การพูดถึง “Work/Life Integration หรือ การหลอมชีวิตส่วนตัวเข้ากับความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน” จึงเป็นทางออกเดียวของคนยุคเราในที่สุด…
Work/Life Integration เป็นแนวทาง… ย้ำว่าเป็น “แนวทาง” ในการออกแบบชีวิตส่วนตัว กับ หน้าที่การงานให้สามารถดำเนินไปพร้อมๆ กันได้ทั้ง 2 ส่วนในกรอบเวลาเดียวกัน หรือ สลับกันไปมาอย่างหยืดยุ่น
ประเด็นก็คือ… ความหยืดยุ่นในการทำงานที่องค์กรยุคใหม่ต้องใส่ใจให้มาก ล้วนแต่มีรายละเอียดเฉพาะเจาะจงภายใต้บริบทขององค์กร กับ วัฒนธรรมองค์กร และ ชีวิตส่วนตัวของสมาชิกทีมในองค์กร “เฉพาะคน” อีกด้วย…
การถกเถียง และ ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับ Work/Life Integration ในทางปฏิบัติจึงไม่ง่ายเหมือนการพูดถึง Work/Life Balance ที่แยกเวลา และ ทรัพยากรระหว่างชีวิตส่วนตัวกับงานได้อย่างชัดเจน… ซึ่ง Work/Life Integration ต้องการ “โครงสร้างพื้นฐานใหม่ และ ระบบที่เหมาะสม พร้อมกับ วัฒนธรรมความสำเร็จขององค์กร” ในมุมมองที่สามารถสร้างประสบการณ์การทำงานที่สร้างสรรค์ได้ดีกว่าเดิม… ก่อนที่สมาร์ทโฟนในมือของทุกคนจะทำให้ “งาน กับ ชีวิตส่วนตัว” ไม่เหลืออะไรดีสักอย่าง… ซึ่งองค์กร และ ผู้นำต้องเริ่มคิดเรื่อง Work/Life Integration อย่างจริงจังกันได้แล้ว… เพราะ 9 to 5 และ Week-End ไม่มีอยู่จริงอีกแล้วสำหรับหลายๆ คน
ท่านที่สนใจการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อรองรับการทำงานแบบ Work/Life Integration ตั้งแต่การศึกษาความเป็นไปได้ และ จัดทำสมุดปกขาวเสนอรายละเอียดในการดำเนินการ… สอบถามบริการคำปรึกษาด้าน Digital Transformation ได้ทาง Line ID: dr.thum ครับ
References…